ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2550 บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)

ข่าวบันเทิง Thursday August 16, 2007 08:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่
บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และบริษัทจีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) ได้แถลงผลประกอบการไตรมาสที่ 2 หรือรายได้ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2550 โดยนายสิริชัย ตันติพงศ์อนันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบัญชีการเงิน กล่าวว่า
ครึ่งปีแรก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มีรายได้รวม 3,421.90 ล้านบาท และกำไรรวม 178.14 ล้านบาท รายได้เติบโตขึ้น 9% กำไรเติบโตขึ้น 81% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2549
จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มีรายได้ไตรมาสที่ 2 เป็นจำนวน 1,759.50 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกัน ของปี 2549 ประมาณ 4 % และมีกำไร 136.86 ล้านบาท สูงกว่าปี 49 ประมาณ 39% ส่วน
จีเอ็มเอ็ม มีเดียมีรายได้ 857 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปี 2549 ประมาณ 4 % และมี กำไร 80.97 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 49 ประมาณ 12 %
ครึ่งปีแรก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มีรายได้ 3,421.90 ล้านบาท โตกว่าครึ่งปีแรกของปี 49 ประมาณ 9% และมีกำไร 178.14 ล้านบาท สูงกว่าปี 49 ประมาณ 81% จีเอ็มเอ็ม มีเดียมีรายได้ 1,501.73 ล้านบาท สูงกว่าปี 49 ประมาณ 2% และมีกำไร 100.87 ล้านบาท สูงกว่าปี 50 ประมาณ 4%
คอนเทนต์แข็งแกร่งและกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) สร้างประสิทธิภาพของการทำกำไร
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมการ ประธานกรรมการบริหารกล่าวว่า ธุรกิจที่ทำกำไรอย่างโดดเด่นและมีนัยสำคัญ คือ 1.กลุ่มเพลง (สินค้าเพลง ดิจิตัล โชว์บิซ การจัดเก็บลิขสิทธิ์ และบริหารศิลปิน) ทั้งกลุ่มโตกว่าปี 49 ประมาณ 10 % เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน เมื่อคอนเทนต์เพลงดี ทั้งกลุ่มจะเติบโตด้วย และเพราะมีขนาดใหญ่ที่สุด จึงสร้างกำไรได้มาก 2.ภาพยนตร์โตขึ้น 49% และ3.ทีวีในกลุ่มจีเอ็มเอ็ม มีเดียโตขึ้น 16%
กลยุทธ์ที่เป็นหัวใจของการบริหารกำไรที่มีประสิทธิภาพในปีนี้คือ 1.คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ซึ่งแกรมมี่ยึดหลักนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น โดยบริษัทฯจะลงทุนกับทั้งทาเลนต์เบื้องหน้าเบื้องหลัง การวิจัยก่อนและหลังการผลิต และการผลิต 2.การทำตลาดโดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลางหรือ Customer Centric มีการ customize ผู้บริโภคและลูกค้าสปอนเซอร์อย่างละเอียดตามไลฟสไตล์กับความต้องการที่เปลี่ยนไป เพื่อสร้างคอนเทนต์โมเดลใหม่ เช่น การใช้ theme ใหม่ๆในการทำคอนเทนต์ การมีแพ็ตเกจหลากหลายให้เลือก สร้างส่วนผสมทางการตลาด (marketing mix) ใหม่ เช่น มีเดียต้องมีกิจกรรมอื่นๆให้ผู้บริโภคเสริมเข้าไป และเพิ่มช่องทางใหม่ๆในการเข้าถึงผู้บริโภค เช่น ดิจิทัล โชว์บิซ เป็นต้น
5 ธุรกิจเด่นประจำปี เพลงลูกทุ่งและ Library เพลง-ดิจิตัล-โชว์บิซ-รายการทีวีวัยรุ่น และภาพยนตร์
“พระเอกของเราปีนี้มีหลายคน เช่น เพลงลูกทุ่งโตขึ้นมากจนเรามีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 65 % แล้ว เพราะจัดเซ็กเมนต์เพลงและนักร้องอย่างละเอียด ใช้สื่อได้แม่นยำ การใช้ library marketing รวมเพลงด้วย theme ต่างๆ อย่างนักแต่งเพลงอย่าง 25 ปีดี้-นิติพงษ์ ซึ่งขายดีมาก นอกจากนี้ดิจิตัลก็โตขึ้นถึง 16 % และ physical (ซีดี และวีซีดี) ก็โตขึ้น 11%
“ส่วนโชว์บิซโตขึ้นถึง 22% ตามไลฟสไตล์ของ Gen X และ Y ที่ชอบมีประสบการณ์จริงๆด้วยตัวเองหรืออยากมี experience เมื่อเรามีคอนเทนต์แข็งแรงก็เอื้อให้เกิดการจัด showbiz ด้วย theme ที่หลากหลายได้ ในส่วนของธุรกิจโทรทัศน์ภายใต้ จี เอ็ม เอ็ม ทีวี มีกำไรโตขึ้นมากกว่าการเติบโตของรายได้หลายเท่าตัว ทั้งที่รายการลดลง เพราะจับ teen segment ชัดเจน ส่วนหนังเป็นตัวอย่างที่ดีของคอนเทนต์คุณภาพ อย่างเช่น “แฝด” นอกจากจะประสบความสำเร็จในตลาดไทยแล้ว ก็สามารถทำรายได้จากการขายต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนถึง 30 % ของหนังเรื่องนี้ หรือ 30 ล้านบาทและยังจะขายในตลาดต่างประเทศต่อไปได้อีกเรื่อยๆ” นายไพบูลย์กล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วิพาพร รักเดช (วิ)
ประชาสัมพันธ์และประสานงาน
ศูนย์สื่อสารข้อมูลการตลาดและธุรกิจ
โทร.0-2669-9964
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ