กรุงเทพฯ--8 ก.ค.--กทม.
น.ส.กาญจนา สมวงศ์ เลขานุการสภากรุงเทพมหานคร แจ้งว่า ด้วยสภากรุงเทพมหานครได้ลงมติเห็นชอบในร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมช้างมาหารายได้ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2553 ในคราวประชุมสภากรุงเทพมหานครสมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 (ครั้งที่2) ประจำปีพุทธศักราช 2553 ในวันพุธที่ 9 มิถุนายน 2553 บัดนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงนามในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2553 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 127 ตอนพิเศษ 77 ง วันที่ 21 มิถุนายน 2553 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
สำหรับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการนำช้างมาหารายได้ในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2553 มีวัตถุประสงค์ในการจัดระเบียบไม่ให้ผลกระทบต่อการจราจร ความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานคร ทั้งป้องกันไม่ให้มีผู้นำช้างมาเป็นเครื่องมือหารายได้หรือประโยชน์อื่นใด โดยมีสาระสำคัญที่ตราอยู่ในข้อบัญญัติดังกล่าว อาทิ ข้อ 4 ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร “การนำช้างมาหารายได้“ หมายความว่า การนำช้างมาเป็นเครื่องมือหารายได้หรือประโยชน์อื่นใด โดยการขาย จำหน่ายสินค้า หรือบริการใดๆ ตลอดจนการเสนอหรือชักชวนเพื่อการดังกล่าวด้วย “เจ้าของช้าง” หมายความรวมถึงผู้ครอบครอง หรือผู้ควบคุมดูแลช้าง “ที่พักช้าง” หมายความว่า ที่สาธารณะหรือที่เอกชนที่เจ้าของช้างนำช้างมาพักอาศัย “เงินรางวัล” หมายความว่า เงินที่กรุงเทพมหานครจ่ายเป็นค่าตอบแทนแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับช้างเพื่อดำเนินคดี ข้อ 5 ห้ามมิให้เจ้าของช้างกระทำการนำช้างมาหารายได้ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายอื่นให้สามารถกระทำได้ ข้อ 6 ห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินผู้ใดยินยอม หรือปล่อยปละละเลยให้ที่ดินของตนเป็นที่พักช้างเพื่อนำช้างมาหารายได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อ 7 ห้ามมิให้บุคคลใดสนับสนุน ส่งเสริม การนำช้างมาหารายได้โดยกระทำการใดๆ ที่เป็นการอำนวยความสะดวก หรือเอื้อประโยชน์ให้เกิดรายได้แก่เจ้าของช้าง ข้อ 12 ผู้ใดฝ่าฝืน ข้อ 5 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทางคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานควรดำเนินการอย่างรอบคอบ และใช้หลักกฎหมายเพื่อควบคุมและดำเนินการกับผู้กระทำความผิดโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะต้องใช้ดุลยพินิจในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ทั้งควรประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนไม่สนับสนุนหรือให้อาหารช้าง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อไป