กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
“เซอร์ แอนโทนี่ ฮอปกินส์ สร้างผลงานเอนเตอร์เทนระดับมาสเตอร์พีซอีกครั้ง ด้วยแววตาและรอยยิ้ม ที่พร้อมจะเชือดเฉือนทุกคนที่พร้อมจะจ้องตาเขาใน Fracture " จาก นิตยสาร NEW YORK TIME
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูง จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้จากบท ฮันนิบาล เล็กเตอร์ในภาพยนตร์เรื่อง The Silent of the lamb ต่อจากนั้นมาก็ยังไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดที่เขาได้รับการยกย่องในระดับเดียวกัน จนกระทั่งภาพยนตร์เรื่อง Fracture ออกฉาย เสียงชื่นชมด้านการแสดงของผู้ชายที่ชื่อ แอนโทนี่ ฮอปกินส์ ก็สะดุดปากกานักวิจารณ์อีกครั้ง
Fracture คือผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ เกรกอรี่ ฮอบลิท ผู้กำกับที่เคยหลอกคนดูทั่วโลก มาแล้วด้วยฝีมือการแสดงของ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน จากภาพยนตร์เรื่อง Primal Fear และในปี 2007 นี้ เกรกอรี่ ฮอบลิท ก็ได้จับผู้ชาย 2 คน 2 วัย แอนโทนี่ ฮอปกินส์ และ ไรอัน กอสลิง ( The Notebook ) ที่ล้วนแต่ได้รับการยอมรับด้านฝีมือการแสดงด้วยกันทั้งคู่ โดยตัวหนัง Fracture เล่าเรื่องราวของ เท๊ดด์ ครอฟอร์ด (แอนโธนี่ ฮอปกินส์) ที่ยิงภรรยาตัวเองด้วยกระสุนที่เจาะเข้าที่ด้านหลังกะโหลกศรีษะ จากนั้นเขานั่งรอกดโทรศัพท์เรียกตำรวจมาที่เกิดเหตุ และเอ่ยประโยคอมตะในหนังเรื่องนี้ที่จะทำให้ชื่อของแอนโทนี่ ฮอปกินส์ จะกลายเป็นที่จดจำอีกครั้ง “ I shoot my wife ” เขาสารภาพว่ายิงภรรยาตัวเอง และยอมให้ตำรวจจับเข้าห้องขัง แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าตำรวจหาปืนที่ยิงไม่พบ และตำรวจที่จับกุมคือชู้รักของภรรยาเขาและเป็นคนเดียวที่พกปืนเข้ามาในบ้านในตอนนั้น แต่คดีนี้อยู่ในความดูแลของ วิล บีชัม (ไรอัน กอสลิง) อัยการหนุ่มไฟแรงที่ต้องการทำคดีนี้เป็นคดีสุดท้ายก่อนที่จะก้าวขึ้นไปรับตำแหน่งงานที่ใหญ่กว่า วิล คิดว่า เท๊ดด์ คือคนยิงแน่ ๆ และเขาจะต้องฉีกหน้ากากของเท๊ดด์ออกมาให้ได้ เรื่องราวการชิงไหวชิงพริบระหว่างเด็กหนุ่มที่ฉลาดเป็นกรดแต่ก็มีความหยิ่งทระนงในตัวเองสูงกับหนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุมที่คิดอะไรได้ไกลและลึกเกินกว่าที่เราคิด
ความน่าสนใจของ Fracture อยู่ที่เกมการไล่ล่าของ 2 ตัวละครที่คนดูต่างคาดไม่ถึงในสิ่งที่ทั้ง วิล และ เท็ดด์ คิด “ ฉากที่ แอนโทนี่ ฮอปกินส์ นั่งอยู่ในมุมมืด แล้วพูดว่า I shoot my wife ( ผมนี่แหละยิงเมียตัวเอง ) จะเป็นอีกฉากหนึ่งที่ถูกจดจำ ไปอีกนาน " จาก Los Angeles Time
ใน Fracture ตัวละครแต่ละตัวล้วนแต่เวียนว่ายอยู่ในบาปของตัวเองโดยมี เจนนิเฟอร์ ภรรยาของ เท็ดด์ ที่นอนโคม่าอยู่ในห้อง ไอซียู เป็นศูนย์กลาง เท็ดด์ ( แอนโทนี่ ฮอปกินส์ ) มีอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวะอากาศยาน เขาสามารถมองหาจุดบกพร่องทุกแห่งในวงจรของเครื่องบินได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ในการชี้จุดที่เป็นต้นเหตุของเครื่องยนต์ขัดข้องจนเครื่องบินตกได้ แต่เท็ดด์กลับใช้ความเป็นอัจฉริยะวางแผนฆาตกรรมภรรยาตัวเองและแก้แค้นชายชู้ ด้วยวิธีที่จะไม่มีใครสามารถเอาผิดเขาได้
ในขณะที่ วิล ( ไรอัน กอสลิง ) อัยการหนุ่มไฟแรงที่แสวงหาความก้าวหน้าอยู่เสมอ เขาทระนงในฝีมือว่าความของตัวเอง และคิดเสมอว่าไม่มีใครที่เก่งกว่านั้นทำให้เขาแทบจะไม่ยอมฟังหรือขอความช่วยเหลือจากใครเลย และเมื่อเขาเจอกับเท็ดด์ เขาก็เริ่มเรียนรู้ว่าความทระนงกลายเป็นสิ่งต้องห้ามที่ทำให้เขามองข้ามเหตุผลบางอย่างไป
“ ว่ากันว่าความพยาบาทเป็นเหมือนขนมหวาน ยิ่งเมื่อใครได้ลิ้มลองความหวานก็จะยิ่งตามติดลิ้น จนอดไม่ได้ที่จะกัดกินคำต่อไป เช่นเดียวกับความทะเยอทะยาน การใฝ่หาอำนาจ ที่ทำให้คนเราหลงลืมตัวตนและความเป็นตัวของตัวเอง "
21 มิถุนายน พิสูจน์บทบาทแห่งเสียงชื่นชมของ
แอนโทนี่ ฮอปกินส์ ได้ทุกโรงภาพยนตร์
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net