ส.อ.ท. จัดสัมมนาใหญ่ดับโลกร้อน

ข่าวทั่วไป Friday July 9, 2010 07:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 ก.ค.--ส.อ.ท. สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดสัมมนา Energy Symposium 2010 เรื่อง “พลังงานสีเขียว..สู้ภัยโลกร้อน” วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ณ ห้องวิภาวดี บอลรูม ชั้น1 โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกุล เป็นประธานเปิดการสัมมนาและร่วมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นโยบายการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทน” พร้อมทั้งวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน ร่วมอภิปราย และการจัดแสดงนิทรรศการ Energy Fair บริเวณหน้างาน ทั้งนี้ การจัดสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และผู้เกี่ยวข้องด้านพลังงานได้รับความรู้ ความเข้าใจ ถึงสถานการณ์พลังงานในสภาวะการณ์ปัจจุบัน และแนวโน้มการใช้พลังงานหมุนเวียน และการนำเทคโนโลยีพลังงานสะอาดมาใช้ เพื่อลดต้นทุนพลังงานและช่วยลดภาวะโลกร้อน รวมถึงการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมในเรื่องของการจัดการพลังงาน ตาม พ.ร.บ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฉบับใหม่ (พ.ศ. 2550) อีกทั้งรับฟังนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน และพลังงานทดแทนจากภาครัฐ นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันภาวะโลกร้อนหรือ Global Warming เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจ และเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกประเทศต้องหันมาให้ความร่วมมือกันเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งเห็นได้จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือว่ามีความรุนแรงมากกว่าที่เคยพบเห็นกันมาในอดีต โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมหรือการกระทำของมนุษย์โดยเฉพาะในเรื่องของการใช้พลังงานที่ได้จากเชื้อเพลิงพวกฟอสซิลเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Green House Gas แล้วนั้นปริมาณสำรองของเชื้อเพลิงดังกล่าวก็เหลือลดน้อยลงไปทุกที ดังนั้นเพื่อเป็นการลดภาวะโลกร้อนอีกทางหนึ่ง การใช้พลังงานสีเขียว หรือพลังงานหมุนเวียน จึงเป็นทางเลือกที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะสามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนลงได้ และสามารถคงแหล่งเชื้อเพลิงไว้ใช้ได้อีกยาวนาน จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต้องมีการผลักดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการบริหารจัดการการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถบรรเทาสถานการณ์ดังกล่าวลงได้ “ประเทศไทยมีแนวโน้มของความต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น อันเนื่องมาจากการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าพลังงาน และจำเป็นต้องนำเข้าพลังงานมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นการหาแนวทางหรือมาตรการเพื่อรองรับกับสถานการณ์ดังกล่าว จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เป็นรูปธรรมทั้งในด้านนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นด้านการจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานที่สะอาด การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น เพื่อที่ประเทศไทยจะสามารถปรับตัวและยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกได้ต่อไป” ด้านนายพยุงศักด์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากสถานการณ์ด้านพลังงานในปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคที่มีการใช้พลังงานสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยมีการใช้พลังงานสูงถึง 37 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแซงหน้าการใช้พลังงานในภาคคมนาคมขนส่ง ที่มีการใช้พลังงาน 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความต้องการพลังงานถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ราคาพลังงานในตลาดโลกมีความผันผวน ร่วมถึงสภาวะโลกร้อนที่เปลี่ยนแปลงสถาพภูมิอากาศ ซึ่งกำลังคุกคามพื้นที่ทุกแห่งหนทั่วโลกในเวลานี้ ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการนำเชื้อเพลิงฟอสซิสจำนวนมากมาใช้เป็นพลังงานแล้วปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู้ชั้นบรรยากาศ การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงการทำการเกษตรและกระบวนการแปรรูปทางอุตสาหกรรมบางประเภท ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้างและหลายด้าน เช่น อากาศร้อนและแปรปรวนมากขึ้น ผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพและระบบนิเวศ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม และรวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพของคนโดยทั่วไป ดังนั้น ผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สามารถที่จะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ด้วยการเตรียมความพร้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ทั้งในด้านข้อมูลข่าวสาร ความรู้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านพลังงาน จึงมีความจำเป็นและสำคัญเป็นอย่างยิ่ง “ในฐานะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นภาคที่มีการใช้พลังงานสูงที่สุด ได้ตระหนักในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก จึงต้องการที่จะส่งเสริม และสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียว หรือพลังงานหมุนเวียน ในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาวะโลกร้อนที่เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ดังนั้นการส่งเสริมและให้ความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทราบถึงสถานการณ์ด้านพลังงาน ตลอดจนนโยบายแนวทางความช่วยเหลือ และการสนับสนุนจากภาครัฐ ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่ภาคอุตสาหกรรม จะสามารถเตรียมความพร้อมและดำเนินการไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวนโยบายของภาครัฐ” ประธาน ส.อ.ท. กล่าว นอกจากนี้ ในบริเวณงานสัมมนายังจัดให้มีการแสดงนิทรรศการด้านพลังงาน หรือ “Energy Fair” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เยี่ยมชม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านพลังงาน โดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ผลิตอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน ที่มาร่วมในงานสัมมนาอีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โทร. 0-2345-1017 โทรสาร 0-2345-1296-9

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ