กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยผลการดำเนิน การบริหารจัดการหนี้ของภาครัฐประจำเดือนมีนาคม 2550 และในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2550 พร้อมทั้งสถานะหนี้สาธารณะล่าสุด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างหนี้ของภาครัฐ
1.1 ในเดือนมีนาคม 2550
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ Refinance หนี้เงินกู้จากธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชียด้วยเงินบาท วงเงิน 348 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่า 10,791 ล้านบาท โดยการกู้เงินในประเทศโดยการออกพันธบัตรและกู้เงินระยะสั้น รวม 10,500 ล้านบาท และใช้งบชำระหนี้สมทบ 291 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้ 291 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยในอนาคตได้รวม 87 ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
รัฐวิสาหกิจ ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการเคหะแห่งชาติ ได้ Roll over หนี้เดิมรวม 4,965 ล้านบาท
1.2 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
- ด้านต่างประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศโดยชำระคืนก่อนครบกำหนด 18,707 ล้านบาท และ Refinance เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินบาท 17,200 ล้านบาท นอกจากนี้ได้บริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ FRNs โดยการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Outright Forward) 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการดำเนินการดังกล่าวทำให้สามารถลดยอดหนี้คงค้างได้รวม 18,707 ล้านบาท และลดภาระดอกเบี้ยได้รวม 897 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศวงเงินรวม 9,451ล้านบาท
- ด้านในประเทศ
กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้ในประเทศโดยการแปลงตั๋วเงินคลังที่ออกเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 32,000 ล้านบาท เป็นพันธบัตร และปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ FIDF1 วงเงิน 45,000 ล้านบาท ส่วนรัฐวิสาหกิจได้ Roll over หนี้เดิม 14,865 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 2
2. การกู้เงินของภาครัฐ
2.1 ในเดือนมีนาคม 2550
กระทรวงการคลังได้กู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ วงเงิน 58,000 ล้านบาท โดยการออกพันธบัตร 28,000 ล้านบาท และตั๋วสัญญาใช้เงิน30,000 ล้านบาท และได้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อชดใช้ความเสียหายให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง (FIDF3) 500 ล้านบาท สำหรับรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินในประเทศรวม 13,965 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เพื่อลงทุน 6,165 ล้านบาท และกู้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียน 7,800 ล้านบาท
2.2 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
ภาครัฐได้กู้เงินในประเทศรวม 139,018 ล้านบาท เป็นการกู้ของกระทรวงการคลัง 123,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจ 16,018 ล้านบาท นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินจากต่างประเทศ 31,803 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้นอกแผนการก่อหนี้ต่างประเทศ รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 3
3. การชำระหนี้ของภาครัฐ
3.1 ในเดือนมีนาคม 2550
กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระหนี้จากงบประมาณ 17,346 ล้านบาท เป็นการชำระคืนเงินต้น 942 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวม 16,404 ล้านบาท
3.2 ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2550
กระทรวงการคลังได้ชำระคืนต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากงบประมาณรวม 72,540 ล้านบาท
สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2550
ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 มีจำนวน 3,171,827 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.59 ของ GDP เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 1,992,205 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 902,822 ล้านบาท หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 227,584 ล้านบาท และหนี้องค์กรของรัฐอื่น 49,216 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 13,624 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 23,456 ล้านบาท ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้สินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้องค์กรของรัฐอื่นลดลง 2,158 ล้านบาท 4,685 ล้านบาท และ 2,989 ล้านบาท ตามลำดับ
หนี้สาธารณะจำแนกได้เป็นหนี้ต่างประเทศ 464,695 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.65 และหนี้ในประเทศ 2,707,131 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.35 และเป็นหนี้ระยะยาว 2,704,415 ล้านบาท หรือร้อยละ 85.26 และหนี้ระยะสั้น 467,412 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.74 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง