จับตา 3 กระทรวง ผนึกกำลังสร้างชาติ

ข่าวทั่วไป Monday July 12, 2010 10:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--โกลบ์เบิล ครีเอชั่น ก.อุตสาหกรรม-แรงงาน-ศึกษา บูรณาการฐานข้อมูลครั้งประวัติศาสตร์ ใช้ประโยชน์ร่วมกัน มั่นใจวางนโยบายได้ตรงจุด แก้ปัญหาขาดแรงงานภาคอุตฯ ปิดช่องว่างผลิตบัณฑิตล้นตลาด หวังเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญสร้างชาติแกร่ง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำข้อตกลงร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูล ภายใต้โครงการความร่วมมือในการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลระหว่างหน่วยงาน โดยมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม หรือ สศอ. เป็นผู้ดำเนินโครงการ ซึ่งจะทำให้ทั้ง 3 กระทรวงใช้ฐานข้อมูลร่วมกันได้ เพื่อสนับสนุนการจัดหากำลังคน และจัดเตรียมกำลังคนให้มีความสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมได้มากขึ้น “ภาคอุตสาหกรรมเป็นหัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยมีสัดส่วนต่อ GDP ประมาณร้อยละ 40 มีตัวเลขการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปีละหลายแสนล้านบาท ซึ่งจากการพบปะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน หรือมีแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะงาน เมื่อรับเข้าทำงานแล้วต้องมีการฝึกอบรมเพิ่มทักษะก่อนปฏิบัติงานได้จริง ซึ่งถือเป็นการเสียเวลา เสียโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น การร่วมมือกันทั้ง 3 กระทรวงจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างลงตัว โดยกระทรวงแรงงานจะได้รับข้อมูลความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและจัดหาแรงงานหรือสนับสนุนแรงงานให้มีฝีมือ มีทักษะที่จะไปขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้อย่างถูกต้อง ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการเมื่อได้รับทราบข้อมูลความต้องการแรงงานแล้วจะสามารถพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาที่เคยเกิดในอดีตได้อย่างถูกต้องที่สุด” นายพุทธิพงษ์ กล่าว นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่มีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่าง 3 กระทรวงหลักที่ต่างมีบทบาทในการดูแลกำลังคนของประเทศในแต่ละช่วงชีวิต และกลุ่มเป้าหมาย สำหรับช่วงชีวิตแห่งการทำงานนั้นเป็นบทบาทตรงๆ ที่กระทรวงแรงงานต้องให้การดูแลเพื่อให้คนทำงานที่เป็น ‘ทุนมนุษย์’ สามารถสร้างผลิตภาพตอบโจทย์ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ทั้งนี้การพัฒนากำลังคนจะต้องเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน ทั้งภาพปัจจุบันและภาพในอนาคต ทำให้การจับคู่คนกับงานสอดคล้องกัน ขณะเดียวกันก็ลดช่องว่างของอัตราการว่างงาน สำหรับขณะนี้ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาถูกหยิบยกมาเป็นประเด็น อาทิ กลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องนุ่งห่ม สิ่งทอ พลาสติกและอาหาร ซึ่งเมื่อทุกข้อมูลใน 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกำลังคนมาเชื่อมโยงต่อกันแล้ว ย่อมหมายความว่าภาพตั้งแต่การผลิตบุคลากรในส่วนของการศึกษา ได้มาผสานกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและภาคแรงงานก็จะสามารถต่อยอดให้คนทำงานมีศักยภาพได้อย่างภาคภูมิตรงกับทิศทางของประเทศและเส้นทางของอุตสาหกรรม ลดความสูญเสียในการผลิตคน ‘ล้นระดับ’ ในบางสาขาวิชา และ ‘เพิ่มกำลัง’ในสาขาที่ขาดแคลน เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานและทำให้การวางแผนกำลังคนของประเทศเป็นไปบนฐานข้อมูลและความรู้ที่แท้จริง ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน มีกว่า 38 ล้านคน เป็นพลังคนที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ การพัฒนาระบบข้อมูลดังกล่าวจะทำให้คนกลุ่มนี้มีความชัดเจนในการตัดสินใจในการทำงานและประกอบอาชีพเป็นอย่างดี อีกทั้งผู้ประกอบการก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะมีกำลังคนมารองรับภาคการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ระบบดังกล่าวจึงเป็นความ “ลงตัว” ในการตอบโจทย์ในการทำงานของ 3 กระทรวงได้เป็นอย่างดี นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือในมิติใหม่ ที่จะทำให้ทั้ง 3 กระทรวงรับทราบข้อมูลในเชิงลึกระหว่างหน่วยงานเพื่อนำไปต่อยอดสู่การวางแผนโนบายที่ตรงจุด กระทรวงศึกษาถือเป็นระดับต้นน้ำเมื่อรับทราบทิศทางแล้วการวางนโยบายด้านการศึกษาการจัดเตรียมหลักสูตรการศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมก็จะง่ายขึ้น ปัญหาการผลิตกำลังคนไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในบางสาขา หรือล้นตลาดในบางสาขาจะหมดไป ซึ่งจากจุดเริ่มนี้จะส่งผลต่อการสร้างความร่วมมือในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่อาจจะมีการเชิญภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมด้วย อันจะทำให้ประเทศไทยมีผู้สำเร็จการศึกษา ที่มีคุณภาพจบแล้ว มีงานทำ เป็นพลวัตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ