ปตท.-เซลเลนเนียม ร่วมศึกษาวิจัยและพัฒนาการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีแบตเตอรี่วานาเดียม รีด็อกซ์ โฟล

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 12, 2010 14:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--ปตท. ปตท. ร่วมกับ เซลเลนเนียม ศึกษาวิจัยและพัฒนาการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีแบตเตอรี่วานาเดียม รีด็อกซ์ โฟล (Vanadium Redox Flow Battery) นวัตกรรมที่คิดค้นโดยคนไทย เป็นเทคโนโลยีสะอาด ใช้กักเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ใช้งานง่าย เน้นเป็นแหล่งกักเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าแบบติดตั้งในโรงงานและแบบเคลื่อนที่ให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด นายส่งเกียรติ ทานสัมฤทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในสัญญาการเก็บรักษาความลับ (Mutual Nondisclosure Agreement) ร่วมกับ นายกฤษฎา กัมปนาทแสนยากร ประธานกรรมการ บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ในความร่วมมือศึกษาวิจัยและพัฒนาการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีแบตเตอรี่วานาเดียม รีด็อกซ์ โฟล (Vanadium Redox Flow Battery: VRFB) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเครื่องกักเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าทั้งแบบติดตั้งในโรงงานและแบบเคลื่อนที่ให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง รวมทั้งช่วยขับเคลื่อนการผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียนที่ได้จาก ลม แสงอาทิตย์ และชีวภาพ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัท เซลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการจดสิทธิบัตรแบตเตอรี่วานาเดียม รีด็อกซ์ โฟล (Vanadium Redox Flow Battery) ในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้าเข้าไปในแบตเตอรี่ได้ใหม่หลายครั้งอย่างรวดเร็ว ในปริมาณความจุที่ไม่จำกัดของแหล่งกักเก็บ โดยการนำสารละลายอิเล็คโทรไลท์ (electrolyte) ที่ใช้แล้วออกมาจากแบตเตอรี่ แล้วนำสารละลายอิเล็คโทรไลท์ที่อัดประจุไฟฟ้าแล้วเข้าไปแทนที่ ในกรณีที่ไม่มีแหล่งพลังงานสำหรับป้อนเข้าไปในระบบ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแบตเตอรี่ที่ดี เหมาะกับการนำไปประยุกต์ใช้งาน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บและจ่ายไฟฟ้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตไฟฟ้าขนาดย่อม โดยใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า นายส่งเกียรติ เปิดเผยว่า การร่วมมือศึกษาวิจัยและพัฒนาศักยภาพ ประเมินผลและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานของแบตเตอรี่ดังกล่าว เป็นการช่วยขับเคลื่อนการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยรวมต่อประเทศ ซึ่งสอดรับกับแผนพลังงานทดแทน 15 ปี (พ.ศ. 2551-2565) ที่รัฐกำหนดให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.4 ในปี พ.ศ. 2551 เป็นร้อยละ 20 ของพลังงานเชิงพาณิชย์ในปี พ.ศ. 2565 นายกฤษฎา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่าง ปตท. และ เซลเลนเนียม ในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาพลังงานของประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน คือ เทคโนโลยีของแบตเตอรี่ ซึ่งทำหน้าที่กักเก็บและจ่ายพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปัจจุบัน Electric Economy จัดว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีประสิทธิภาพยิ่ง อีกทั้งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นพลังงานหมุนเวียนตามธรรมชาติ ซึ่งจะมาแทนที่การใช้พลังงานฟอสซิลที่กำลังจะหมดไปในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ