กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
ยกระดับโครงสร้างไอทีสู่ระบบอัตโนมัติที่ง่ายและลดค่าใช้จ่าย สร้างความคุ้มค่าสูงสุด ด้วยกลยุทธ์ Converged Infrastructure
ผู้บริหารจากกลุ่มธุรกิจ เอ็นเทอร์ไพรส์ บิสิเนส บริษัท บริษัท ฮิวเลตต์ — แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายมารุต มณีสถิตย์ (กลาง) ผู้อำนวยการ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Enterprise Servers, Storage and Networking (ESSN) นางสาวกาญจนา โชคชัยตระกูลโพธิ์ (ขวา) ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Industry Standard Servers (ISS) และนายวงศ์วิวัฒน์ ศิริทัศนกุล (ซ้าย) ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ StorageWorks (SWD) ประกาศเปิดตัวสุดยอดนวัตกรรมแห่งอุตสาหกรรมไอทีครบวงจร ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และเทคโนโลยีการบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าที่ทำงานร่วมกันบนระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก หรือ Converged Infrastructure ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และสามารถปรับงบประมาณไปใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมล้ำสมัยอื่นๆ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
HP Converged Infrastructure คือ มาตรฐานระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการขจัดปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบและความซับซ้อนของระบบไอที ทั้งยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงไม่ให้บานปลาย
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้ ประกอบด้วยเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem ที่มีการพัฒนาอย่างรุดหน้าภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี โดยรวมถึงเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น รวมทั้งนวัตกรรมอื่นๆ อาทิ โซลูชั่น HP Virtual Connect และ HP BladeSystem Matrix นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวเทคโนโลยีการใช้ไฟฟ้าที่ส่งเสริมการประหยัดพลังงานและควบคุมสมรรถนะการทำงานของระบบไอทีในศูนย์ข้อมูล และโซลูชั่นซอฟต์แวร์การจัดเก็บข้อมูล ซึ่งมีการผนวกรวมไว้เป็นหนึ่งเดียวบนสถาปัตยกรรมแบบผนวกเพื่อสร้างมิติใหม่แห่งการทำงานอัตโนมัติ และสะดวกง่ายดาย ทั้งยังป้องกันการเกิดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และเบลด HP Proliant G7 ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็วภายใน 30 วัน
จากผลการสำรวจ Worldwide Quarterly Server Tracker ของไอดีซี(2) เผยว่า ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ตระกูล Proliant ของเอชพีครองความเป็นผู้นำในตลาดเบลดเซิร์ฟเวอร์ด้วย ส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดถึงร้อยละ 56.1 และขึ้นแท่นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในตลาดผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ x86 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 39.2
ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ HP Proliant รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีการทำงานแบบอัตโนมัติ ส่งผลให้ลูกค้าสามารถใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ และทรัพยากรไอทีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ๆ ดังกล่าวประกอบด้วย เซิร์ฟเวอร์แบบแร็ก (rack-mount) ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่โดดเด่น
ล้ำสมัยสุดเป็นรายแรกในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ได้แก่ หน่วยความจำสูงสุดถึง 2 เทราไบต์ มีความสามารถในการทำ ”self-healing” และยังมีระยะเวลาที่เซิร์ฟเวอร์ให้บริการได้ต่อเนื่อง (Uptime) สูงสุดถึงร้อยละ 200(3) ทั้งยังลดความซับซ้อน ลดต้นทุน และลดพื้นที่ของศูนย์ข้อมูล โดยมีสมรรถนะรองรับข้อมูลได้สูงสุดด้วยอัตราส่วนรวม 91 : 1
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เบลดเซิร์ฟเวอร์ HP Proliant G7 ใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 7 รุ่น โดยสนับสนุนการทำงานในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงหรือเวอร์ช่วล เป็นผลิตภัณฑ์เบลดรายแรกของอุตสาหกรรมไอทีที่มีหน่วยความจำ 1 เทราไบต์ และสนับสนุนเทคโนโลยี Virtual Connect FlexFabric 10Gb แบบครบวงจร รองรับการปรับขยายของอุปกรณ์ I/O มีสถาปัตยกรรมของระบบการประมวลผล หน่วยความจำที่ปรับขยายเพิ่มขึ้น และระบบ I/O แบบสมดุล รองรับระบบการทำงานแบบเสมือนจริงได้มากกว่าเครื่องเบลดยี่ห้ออื่นๆ ถึง 4 เท่า และมีการใช้ฮาร์ดแวร์ลดลงร้อยละ 66(4)
HP Virtual Connect : ผนวกรวมข้อมูลและเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อขจัดปัญหาการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของระบบไอที
พอร์ทโฟลิโอ HP Virtual Connect ช่วยสนับสนุนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ แบบอัตโนมัติ ด้วยการเชื่อมต่อเพียงครั้งเดียว จึงช่วยลดปัญหาความไร้ระเบียบของระบบเครือข่ายได้ถึงร้อยละ 95 นอกจากนี้ เอชพียังพัฒนาโมดูล HP Virtual Connect FlexFabric module ใหม่ที่ผนวกเซิร์ฟเวอร์แบบ Fibre Channel เครือข่ายอีเธอร์เน็ต และเครือข่าย iSCSI เข้าไว้ด้วยกันในอุปกรณ์เดียว โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อไว้ด้วยกันหลายจุด การใช้เทคโนโลยี HP Virtual Connect FlexFabric ซึ่งปัจจุบันติดตั้งไว้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์เบลด HP Proliant G7 จะช่วยลดต้นทุนในการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายสูงถึง 185,000 เหรียญสหรัฐต่อแร็ก(5)
เอชพีได้ส่งมอบโซลูชั่น HP Virtual Connect ให้แก่ลูกค้ามากกว่า 3 ล้านพอร์ท โดยมียอดขายในครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โซลูชั่น HP Virtual Connect ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับการตั้งค่าการเชื่อมต่อกับระบบ LAN และ SAN ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน โดยปรับย้ายปริมาณการทำงาน ตลอดจนเพิ่มหรือเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์ HP BladeSystem Matrix: สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ส่วนตัวแบบอัตโนมัติ
ซอฟต์แวร์ HP BladeSystem Matrix ใหม่ที่มีการผนวกรวมกับ HP Server Automation จะทำให้ระบบไอทีมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ง่ายขึ้น โดยใช้แอพพลิเคชั่นที่สามารถควบคุมได้ด้วยตนเองเพียงปลายนิ้วสัมผัสครั้งเดียว ผลิตภัณฑ์ HP BladeSystem Matrix เป็นหนึ่งในระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกที่สมบูรณ์แบบที่สุดเป็นรายแรกในวงการไอที โดยสนับสนุนเทคโนโลยีคลาวด์แบบส่วนตัว (private cloud) เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบไอทีในสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่นาที(6) จึงช่วยลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของทั้งหมดได้สูงถึงร้อยละ 56 เมื่อเปรียบเทียบกับระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบเดิม(6)
โซลูชั่น HP Intelligent Power Discovery : ลดการใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็นในศูนย์ข้อมูล โซลูชั่น HP Intelligent Power Discovery คือ นวัตกรรมเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูลครั้งแรกในอุตสาหกรรมไอที ออกแบบเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมของศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (green data center) สร้างเครือข่ายการทำงานแบบอัตโนมัติและประหยัดพลังงานระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant(7) เครื่องมือบริหารจัดการระบบการทำงานอื่นๆ และแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลแบบกริด โซลูชั่น HP Intelligent Power Discovery เป็นการพัฒนาต่อยอดจากโซลูชั่น Data Center Smart Grid ของเอชพี โดยจะแสดงข้อมูลการใช้ไฟอย่างละเอียดและชัดเจนมากขึ้นในรูปของแผนผังการใช้ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ตามสภาพพื้นที่ตั้งของระบบต่างๆ การแสดงข้อมูลการใช้ไฟฟ้าที่ถูกต้องและชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าสามารถยืดอายุการทำงานของศูนย์ข้อมูลได้ยาวนานขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทุก 1,000 เครื่องภายใน 1 ปี(8)
โซลูชั่น HP StoreOnce : ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลบนระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวก
โซลูชั่น HP StoreOnce คือ โซลูชั่นลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลทั่วทั้งองค์กรแบบอัตโนมัติ โดยมีสถาปัตยกรรมแบบผนวกรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงานและอุปกรณ์ต่างๆ ที่หลากหลาย ส่งผลให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้น ทั้งนี้ โซลูชั่น HP StoreOnce ออกแบบโดยห้องปฏิบัติการเอชพี (HP Labs) มีความสามารถขจัดความซ้ำซ้อนของข้อมูลดีขึ้นร้อยละ 20(9) และมีความคุ้มค่าด้านราคาเมื่อเปรียบเทียบกับสมรรถนะการทำงานมากกว่าโซลูชั่นอื่นๆ ถึง 2 เท่า(10)
โซลูชั่น HP StoreOnce สามารถนำมาใช้งานควบคู่กับระบบสำรองข้อมูล (backup) ตระกูล D2D ของเอชพี อาทิ ผลิตภัณฑ์ HP D2D4312 ใหม่ ช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลถึงร้อยละ 95(9) ทั้งยังมีความพร้อมนำไปใช้งานกับอุปกรณ์แบบเสมือน ระบบสำรองข้อมูล และผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูลที่สามารถปรับขยายได้ โดยเป็นโซลูชั่นหนึ่งเดียวที่ตอบสนองความต้องการในการขจัดปัญหาความซ้ำซ้อนของข้อมูลได้อย่างครบถ้วน
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ข้างต้นและที่งาน Technology Forum สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/go/TechForum2010