กรุงเทพฯ--26 ก.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Kim Eng เป็น ‘A(tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ จาก ‘BBB+(tha)’ และปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น ‘F1(tha)’ จาก ‘F2(tha)’ หลังจากได้มีการทบทวนการประเมินความเสี่ยงของบริษัทหลักทรัพย์แห่งนี้ซึ่งจัดว่าความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก โดยมีความแข็งแกร่งในส่วนของเงินกองทุนและสภาพคล่องเป็นปัจจัยสนับสนุน นอกจากนี้ Kim Eng ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านเครือข่ายธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ซึ่งได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนของบริษัทแม่ที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงมายาวนานในภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่ระดับหนี้สินอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต บริษัทน่าจะยังคงดำรงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งได้ ถึงแม้ว่าผลประกอบการของบริษัทได้ลดต่ำลงในช่วงปี 2549และในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 เนื่องจากสภาวะตลาดที่ซบเซา คาดว่าผลประกอบการน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่สูงขึ้น
แนวโน้มของอันดับเครดิตมีเสถียรภาพเนื่องจากความแข็งแกร่งของเงินกองทุนและสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงอาจมีมากขึ้นจากสภาวะการลงทุนในตลาดทุนที่อ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือจากการที่บริษัทขยายกิจการไปในธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากขึ้น
รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ระดับ 85.5% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2549 การลดลงของยอดการซื้อขายหลักทรัพย์และส่วนแบ่งการตลาดของ Kim Eng ส่งผลให้รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของ Kim Eng ปรับตัวลดลงเป็น 1.7 พันล้านบาทในปี 2549 และอยู่ที่ระดับเพียงแค่ 257 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2550 รายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์นั้นขึ้นอยู่ภาวะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะยอดการซื้อขายหลักทรัพย์ การเปิดเสรีค่านายหน้าธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์บางส่วนอาจเพิ่มแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของ Kim Eng ในอนาคต Kim Eng มีแผนที่จะเพิ่มรายได้โดยการเพิ่มการให้บริการทางด้านวาณิชธนกิจ การบริหารกองทุนส่วนบุคคล การให้กู้ยืมเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ และการให้บริการด้านธุรกิจอนุพันธ์ (Derivative Warrants) แม้ว่ารายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการเหล่านี้ คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ
ลูกหนี้จากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์และเงินสดเป็นสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ Kim Eng ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 305.1 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 จาก 310.2 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 ในขณะที่อัตราส่วนของลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อลูกหนี้รวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.1% จาก 17.6% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เกือบทั้งหมดเป็นลูกหนี้เพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2540 โดย Kim Engได้กันสำรองหนี้สูญเต็มจำนวนไว้แล้ว ส่วนลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เกิดขึ้นใหม่อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ความเสี่ยงทางด้านเครดิตของ Kim Eng จัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ถึงแม้ว่าความเสี่ยงจากลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยเงินสดและธุรกิจในส่วนของการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อาจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภาวะตลาดซบเซา ในขณะที่ความเสี่ยงจากภาวะตลาดอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก การลงทุนและการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง (proprietary trading) ของ Kim Eng ได้เพิ่มระดับความเสี่ยงให้แก่บริษัท ถึงแม้ว่ายอดการซื้อขายหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเองนั้นจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
Kim Eng ดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเงินจากส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก หนี้สินส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในรูป เจ้าหนี้ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำมากที่ 35.8% ถึงแม้อาจจะมีปรับตัวขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ระดับ D/E ของ Kim Eng หากไม่รวมเจ้าหนี้จากธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ในระดับที่ต่ำลงไปอีกที่ 15.3%
ส่วนของผู้ถือหุ้นของ Kim Eng ลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 จาก 4 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เนื่องมาจากการจ่ายเงินปันผล (อัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 89% ในปี 2549) อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ของบริษัท อยู่ที่ 73.7% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจาก Kim Eng อาจต้องมีการจัดสรรเงินกองทุนบางส่วนมาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอนุพันธ์ (Derivative Warrants) ในอนาคตรวมถึงการขยายธุรกิจอื่น
ในปัจจุบัน บริษัทกิมเอ็ง โฮลดิงส์ จำกัด แห่งสิงคโปร์ ถือหุ้นในสัดส่วน 57.6% ของ Kim Eng และมีการรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งโดยมีกำไรสุทธิ 109 ดอลลาร์สิงคโปร์ในปี 2549 นอกจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ Kim Eng ยังให้บริการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ การบริการทางด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจบริการลงทุน บริษัทมีเครือข่ายสาขาที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทหลักทรัพย์ของประเทศไทย โดยมีสำนักงานใหญ่ และ 21 สาขาในกรุงเทพฯ และ 17 สาขาในต่างจังหวัด รวมทั้งส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ 8 %
ติดต่อ
Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4759
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963