รมว.ไอซีที แถลงผลงาน 30 วันหลังเข้ารับตำแหน่ง

ข่าวเทคโนโลยี Monday July 19, 2010 11:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ค.--ก.ไอซีที นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้แถลงนโยบายความคืบหน้าในการดำเนินงานภายหลังเข้ารับตำแหน่งครบ 30 วัน ว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาได้ดำเนินงานในโครงการ และกิจกรรมต่างๆ หลายโครงการซึ่งแต่ละโครงการมีความคืบหน้าดังนี้ โครงการถนนไร้สาย จะมีการเสนอร่างโครงการฯ ให้คณะกรรมการนโยบายบรอดแบนด์แห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้พิจารณาเพื่อรับเป็นนโยบายของรัฐบาล ภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาแล้วจะเป็นหน้าที่ของ 2 หน่วยงาน คือ บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท โทรคมนาคม ร่วมกันดำเนินการ รวมทั้งจะมีการบูรณาการวางแผนงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. และจะมีการร่างข้อตกลงร่วมกับกทช.เพื่อทำข้อตกลงอย่างเป็นทางการและประกาศเป็นวาระสำคัญต่อสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป โดยโครงการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และมีราคาค่าบริการที่ความเร็ว 2 เมกะบิตต่อวินาทีในเบื้องต้นประมาณไม่เกิน 150 บาทต่อเดือน ส่วนงบประมาณการดำเนินงานนั้นของ ทีโอที คาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 14,000 ล้านบาท ขณะที่ กสทฯ นั้นจะเป็นการขยายการดำเนินงานจากโครงการ CDMA ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว 817 ล้านบาท และเตรียมจะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างอีก 3,800 ล้านบาท โครงการที่สองเป็นโครงการถวายพระพรออนไลน์เพื่อประสานทุกองคาพยพถวายความจงรักภักดีเนื่องในวโรกาส 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม อันเป็นกิจกรรมเทิดพระเกียรติเพื่อความปรองดองและประสานสามัคคี ซึ่งจะเริ่มดำเนินการที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ระหว่าง 5-12 สิงหาคม 2553 โดยมีศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานในวันที่ 5 สิงหาคม 2553 และในวันที่ 11 สิงหาคม 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานในพิธีเปิดซุ้มถวายพระพรออนไลน์พร้อมทั้งเชิญคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย และกระทรวงฯ จะได้ประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่นทั่วประเทศเพื่อเปิดช่องทางให้ประชาชนทั่วประเทศได้เข้าร่วมในกิจกรรมถวายพระพรออนไลน์เนื่องในวโรกาส 12 สิงหาคม และ 5 ธันวาคม โครงการที่สามเป็นการจัดตั้งสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นองค์การมหาชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 และสำนักงาน ก.พ.ร.จะประชุมหารือในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ โดยกระทรวงฯ จะพยายามผลักดันให้สามารถประกาศกฎหมายจัดตั้งในราชกิจจานุเบกษาภายใน 2 เดือน หรือแล้วเสร็จประมาณเดือน ส.ค.2553 และใช้งบประมาณ 250 ล้านบาท “ส่วนโครงการที่สี่เป็นความคืบหน้าในการดำเนินโครงการสนธิกำลังร่วม 3 กระทรวงเพื่อปกป้องเทิดทูนสถาบัน สังคม และประชาชนจากผลกระทบของสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมและผิดกฎหมาย โดยได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการพนันฟุตบอล 1,308 URL เว็บลามกอนาจาร 977 URL และเว็บยาเสพติด 392 URL ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต หรือ ISOC นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าการจัดตั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ โดยจะมีการเพิ่มอัตรากำลังจาก 22 อัตราเป็น 57 อัตราเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เพิ่มขึ้น” นายจุติ กล่าว โครงการต่อมา คือ ไซเบอร์ สเกาท์ เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นเพื่อลดช่องว่าง เปิดโอกาสและช่องทางในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับเยาวชน ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลความรู้ในการเรียน อันจะเป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้กับสังคมได้เพิ่มมากขึ้นด้วย และในปีงบประมาณ 2554 กระทรวงฯ จะจัดสรรงบประมาณจัดการอบรมผู้ฝึกสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพในการเรียนรู้และเนื้อหาสาระของโครงการฯ ให้เป็นมาตรฐานสากลหรือ IC 3 รวมทั้งอบรมผู้อำนวยการโครงการฯ เพื่อให้เยาวชนที่ร่วมโครงการฯ รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสร้างสรรค์ นอกจากนี้กระทรวงฯ ยังจะได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในระดับอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่มีมาตรฐานสากลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบุคลากรด้านไอซีทีของประเทศในระยะยาว เนื่องจากหลักสูตรที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถผ่านการสอบที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น การสอบประกาศนียบัตรของไมโครซอฟต์ เป็นต้น พร้อมกันนี้กระทรวงฯ ยังจะได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏต่างๆ เพื่อผลิตครู อาจารย์ด้านไอซีทีที่มีประสิทธิภาพ สามารถให้ความรู้แก่เด็ก เยาวชนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาเป็นต้นไป ซึ่งถ้าผนวกผลการดำเนินงานของโครงการนี้กับการวางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของ ทีโอที และกสทฯ เข้าด้วยกัน ก็จะทำให้ตัวชี้วัดการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศให้เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับการตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดนั้น ทั้งบมจ.ทีโอที บมจ.กสท โทรคมนาคม บจ.ไปรษณีย์ไทย และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) นั้น คาดว่าจะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมภายใน 4 เดือนนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 021416747 MICT

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ