กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ปรับแนวโน้มเครดิตของบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Erawan เป็นลบจากเดิมมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) แก่หนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ Erawan ที่ระดับ ‘BBB(tha)’ และอันดับเครดิตระยะสั้นภายในประเทศ (National Short-term Rating) ที่ระดับ ‘F3(tha)’
การปรับแนวโน้มเครดิตของ Erawan เป็นลบอยู่บนพื้นฐานของนโยบายการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความคล่องตัวทางการเงินของกลุ่มลดลง นอกจากแผนการลงทุนเดิมในโรงแรมใหม่สองแห่งแล้ว Erawan ยังประกาศแผนการลงทุนใหม่เพิ่มเติมจำนวน 5.8 พันล้านบาท ในโรงแรมระดับสี่ดาวที่พัทยา และโรงแรมชั้นประหยัด (Economy Hotel) อีก 10 แห่งในหกจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ถึงแม้แผนการขยายธุรกิจดังกล่าวจะช่วยกระจายความเสี่ยงให้ Erawan ได้ดีขึ้นและยังขยายโอกาสในการสร้างรายได้จากการดำเนินงานให้แข็งแกร่งขึ้น ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจ่ายสำหรับแผนการลงทุนในโรงแรมแห่งใหม่ในช่วงปี 2549 ถึง 2551 ที่เพิ่มสูงขึ้นจากระดับที่ได้คาดการณ์ไว้ในปีก่อนเป็นจำนวนมากนี้น่าจะส่งผลให้กลุ่มมีอัตราส่วนทางการเงินที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และยังสร้างแรงกดดันในการบริหารสภาพคล่องของกลุ่มอีกด้วย ฟิทช์ยังกล่าวต่อว่า Erawan น่าจะมีความคล่องตัวทางการเงินลดลงในช่วงที่มีการขยายธุรกิจ และยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน (Execution Risk) ของโรงแรมแห่งใหม่สูงขึ้นด้วย
ฟิทช์กล่าวว่าแผนการลงทุนใหม่ของกลุ่มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และการชะลอตัวอย่างกะทันหันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของ Erawan ได้ ในทางตรงกันข้าม หากกลุ่มสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง หรือมีแผนการลงทุนที่ชะลอตัวลงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้สินปรับลดลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้ อันดับเครดิตของ Erawan น่าจะสามารถคงอยู่ที่ระดับเดิมได้
อันดับเครดิตของหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ Erawan นั้น สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มที่อยู่ในระดับสูง ชื่อเสียงของโรงแรมและศูนย์การค้าในกลุ่ม Erawan ที่เป็นที่รู้จักอย่างดี และความสัมพันธ์ที่ดีอันยาวนานของ Erawan กับกลุ่มโรงแรมชั้นนำระดับโลก รวมถึงความสามารถในการสร้างรายได้และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจโรงแรมมีความผันผวนค่อนข้างสูงต่อวัฏจักรเศรษฐกิจ และเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจากการก่อการร้ายที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก และราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่อภาคธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นที่อาจลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิต ได้แก่ ภาวะการแข่งขันที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นของกลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ Erawan ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน แนวโน้มอัตราการรับชำระหนี้คืน (Recovery Prospects) ของหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ Erawan ยังได้รับผลกระทบจากโครงสร้างทางการเงินของกลุ่มที่มีหนี้สินมีหลักประกันและมีหนี้สินที่บริษัทลูกในอยู่ระดับสูง คิดเป็นประมาณ 80% ของหนี้สินรวม ณ สิ้นไตรมาสสามปี 2549
ด้วยแผนการลงทุนใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นมาก อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Net Adjusted Debt/ EBITDAR) ของ Erawan น่าจะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.0 เท่า ในปี 2550 จาก 4.7 เท่า ณ สิ้นไตรมาสสามปี 2549 ถึงแม้กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้นจากโรงแรมที่เปิดใหม่น่าจะช่วยทำให้อัตราส่วนดังกล่าวเริ่มปรับลดลงได้หลังจากนั้น นอกจากนี้ ฟิทช์ยังกล่าวต่อว่า อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Interest-bearing Debt/ EBITDA) ของกลุ่มน่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 5.5 เท่า ในปี 2550 จาก 4.2 เท่า ณ สิ้นไตรมาสสามปี 2549 ซึ่งเข้าใกล้ระดับสูงสุดของเงื่อนไขทางการเงิน (Financial Covenants) ตามสัญญาเงินกู้ของกลุ่มซึ่งระบุไว้ที่ 6.0 เท่า ในส่วนของสภาพคล่องทางการเงินของ Erawan นั้น ฟิทช์คาดว่าสัดส่วนหนี้สินระยะสั้นของกลุ่มที่จะเพิ่มสูงขึ้นประกอบกับแผนการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วน่าจะส่งผลทำให้สภาพคล่องทางการเงินของกลุ่มลดลง ถึงแม้เงินสดคงเหลือ ณ สิ้นไตรมาสสามปี 2549 จำนวน 100 ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อระยะสั้นจากธนาคารที่กลุ่มยังไม่ได้ใช้อีกจำนวน 788 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 ประกอบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะได้รับในอนาคต น่าจะมีส่วนช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับกลุ่มได้บางส่วน
ติดต่อ: โสมสิริ ชฎาวัฒน์, วสันต์ ผลเจริญ, Vincent Milton +662 655 4755
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตระดับเพื่อการลงทุน หรือมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับต่ำแม้จะอยู่ในระดับเพื่อการลงทุน อันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศจะอยู่ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นถูกออกแบบมาเพื่อนักลงทุนภายในประเทศในแต่ละประเทศนั้นๆ และมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับแต่ละประเทศ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย อันดับเครดิตภายในประเทศนั้นไม่สามารถนำไปใช้เปรียบเทียบระหว่างประเทศได้
คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน