กรุงเทพฯ--21 ก.ค.--PRdd
บลจ.ไทยพาณิชย์ครึ่งปีแรก AUM ทะลุ 5.3 แสนล้าน เตรียมบุกหนักลูกค้าสำรองเลี้ยงชีพ-สถาบัน ประกาศสร้างช่องทางขายใหม่ผ่านตัวแทนอิสระ มั่นใจเติบโต 20 % ยังรั้งอันดับ 1 ของธุรกิจ
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 ว่า บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารงาน (Asset Under Management) หรือ AUM ทั้งสิ้น 526,381 ล้านบาท (ณ 2 ก.ค.53) คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 20.06% โดยยังคงครองอันดับ 1 ของทั้งธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จากสิ้นปี 2552 ที่มี AUM รวมทั้งสิ้น 497,166 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจกองทุนรวมที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 20% และ ยังมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตลอดจนลูกค้าสถาบัน โดยมีขนาดสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสามารถของทีมงานขายและการประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งนอกจากจะสามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มต่างๆได้มากขึ้นแล้วยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯยังได้บุกเบิกช่องทางการจำหน่ายใหม่ในลักษณะ Alternative Distribution Channels นอกเหนือจากบริษัทที่เป็นตัวแทนขายหรือ Selling Agent ด้วยการรับสมัครผู้แทนขายอิสระ หรือ Independent Investment Planner (IIP) เป็นรายบุคคล เข้ามาเสริมทีมแล้วจำนวน 50 คน ซึ่งผู้แทนขายอิสระแต่ละรายจะมีศักยภาพในการให้คำแนะนำด้านการลงทุนและสามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีเงินลงทุนสูง (High Net worth)
นางโชติกา กล่าวว่า สำหรับแผนงานจากนี้ไปถึงสิ้นปี 53 บริษัทฯยังคงรุกหนักในส่วนลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพและลูกค้าสถาบัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราการเติบโตของสินทรัพย์รวมที่ตั้งไว้ 20% โดยขณะนี้ บริษัทฯมีความพร้อมเต็มที่ด้านทีมงานที่จะบุกตลาด และทีมกลยุทธ์ทำหน้าที่จัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมให้กับลูกค้าแต่ละรายตามความเสี่ยงที่รับได้
“ในช่วงครึ่งปีแรกเราประสบผลสำเร็จจากลูกค้าสถาบันและลูกค้าสำรองเลี้ยงชีพได้ตามเป้าหมาย โดยมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาถึง 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนของแต่ละองค์กรได้อย่างตรงจุดด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและเข้าถึงลูกค้าใหม่ โดยต่อจากนี้เราจะขยายกลุ่มเป้าหมายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปสู่ลูกค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลางมากขึ้น ด้วยการนำเสนอกองทุนที่กำหนดอายุการลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมและหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของทางเลือกการลงทุนแบบ Employee Choice นอกจากนี้ สำหรับลูกค้ารายใหญ่จะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อสามารถรักษาฐานเดิมไว้ให้ได้” นางโชติกากล่าวพร้อมเพิ่มเติมว่า
สำหรับแนวโน้มการออกกองทุนจะคงนโยบายออกกองทุนความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ เช่น กองทุนหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีที่สามารถล็อคผลตอบแทนระยะยาวซึ่งบริษัทเป็นผู้นำตลาดด้วยการออกกองทุนหุ้นกู้เอกชนด้วยมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 32,000 ล้านบาทในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดจะมีการเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ 5Y1 อีก 10,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 22-29 กรกฎาคมนี้ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยไม่ต้องเสียภาษีที่อัตราประมาณ 3.40% ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ กองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยจะผสมผสานทั้งกองทุนระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาวเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ถือหน่วย รวมทั้งมีนโยบายที่จะจัดตั้งกองทุน RMF ใหม่ที่ง่ายต่อการลงทุนโดยผู้ถือหน่วยสามารถเลือกกองทุนที่กำหนดปีที่จะเกษียณอายุและคุ้มครองเงินต้น
“เรายังเตรียมออกกองทุนใหม่ในลักษณะ Term Fund โดยจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยและนำมาทำสวอป เพื่อให้ผลตอบแทนลอยตัวในลักษณะอิงกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ แต่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าโดยจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนซึ่งจะทำให้ผู้ถือหน่วยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังจะเปิดจำหน่ายกองทุนใหม่ที่คุ้มครองเงินต้นโดยนำผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียเงินต้น” นางโชติกากล่าว
สำหรับการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร บริษัทฯ ยังเตรียมรับสมัครตัวแทนอิสระ หรือ IIP เพิ่มอีก 50 คนภายในปีนี้ เพื่อเสริมกับทีมงานที่มีความแข็งแกร่งหลังจากที่ได้วางระบบและฝึกอบรมบุคลากรทุกฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา เมื่อประกอบกับการสนับสนุนและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารไทยพาณิชย์ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังได้ตามเป้าหมายที่วางไว้