“ทียูเอฟ” ย้ำภาพผู้นำอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล โชว์ผลการบริหารเยี่ยม โต 10%

ข่าวทั่วไป Wednesday February 28, 2007 14:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
“ทียูเอฟ” ย้ำภาพผู้นำอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล โชว์ผลการบริหารเยี่ยม โต 10% ยอดขายทะลุกว่า 55,000 ล้านบาท กำไรเกือบ 2 พันล้านบาท
ปี 2549 ทียูเอฟ โชว์ผลงานฝ่าวิกฤตค่าเงินบาทแข็ง ยันส่งออกเพิ่มขึ้นดีกว่าคาด รายได้โต 10% โดยมีผลิตภัณฑ์กุ้งแช่แข็ง และอาหารกุ้งเป็นพระเอกในการสร้างรายได้ โดยผู้บริหารเน้นการบริหารต้นทุน และความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้ผลิต และส่งออกอาหารแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย และบริษัทในเครือ ทำรายได้จากการขายรอบปี 2549 สิ้นสุดงวดบัญชีวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เท่ากับ 55,039 ล้านบาท จากรายได้รวม 55,444 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการขายก่อนค่าใช้จ่ายพิเศษ 2,060.6 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 2.24 บาท
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารฯ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานว่า สำหรับปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 55,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 3% จาก 53,643.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหรือคิดเป็นรายได้จากการขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 10% จาก 1,330.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2548 เป็น 1,457.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2549 โดยรายได้ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขายปลาทูน่าทั้งแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง รองลงมาคือผลิตภัณฑ์จากกุ้ง และอาหารแมวบรรจุกระป๋อง โดยในปี 2549 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,960.6 ล้านบาท แต่หากรวมกำไรก่อนหักรายจ่ายพิเศษที่เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคต จำนวน 100 ล้านบาท จะทำให้บริษัทฯ มีกำไรอยู่ที่ 2,060.6 ล้านบาท ซึ่งลดลงเพียง 1% จากช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่มีกำไร 2,082.4 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯต้องเผชิญกับอุปสรรคอย่างมาก ทั้งความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งมีการแข็งค่าขึ้นกว่า 10 % การแข่งขันด้านราคาทั้งภายในและภายนอกประเทศ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของราคากุ้ง อัตราดอกเบี้ยในประเทศที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้ากุ้งของประเทศสหรัฐอเมริกา ระเบียบการวางพันธบัตรค้ำประกันการส่งออก (Continuous Bond) และกฎระเบียบในการค้าระหว่างประเทศที่ประเทศคู่ค้าสร้างขึ้นเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตน
ในส่วนของยอดขายตามผลิตภัณฑ์ของ TUF ในปี 2549 นี้ ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องและแช่แข็งยังคงครองอันดับหนึ่งของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบรจุกระป๋อง และแช่แข็ง โดยมียอดขายถึง 50% รองลงมาคือ กุ้งแช่แข็ง 20% อาหารแมวบรรจุกระป๋อง 9% อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 7% อาหารกุ้ง 5% ขายภายในประเทศ 6% และปลาหมึกแช่แข็ง 3% สำหรับตลาดส่งออกของบริษัทฯ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก แต่หากมองถึงศักยภาพการส่งออกจากไทย ตลาดที่ใหญ่และแนวโน้มที่สูงขึ้นอยู่ที่ตลาดของสหภาพยุโรป เนื่องจากสหภาพยุโรปได้คืนสิทธิพิเศษทางศุลกากร หรือ GSP สำหรับสินค้ากุ้งไทย และปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง ทำให้อัตราภาษีนำเข้าลดลงจากเดิม ซึ่งสิทธิพิเศษนี้ได้เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2549 เป็นต้นมา และจะมีผลบังคับเป็นเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ นายธีรพงศ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “สำหรับผลประกอบการของปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯมีความพึงพอใจ เพราะถึงแม้ว่า ทียูเอฟ อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหา และอุปสรรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อัตราค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ในภาวะที่ผู้ใช้แรงงานค่อนข้างมีจำนวนจำกัดต่อการเพิ่มจำนวนการผลิต ตลอดจนต้นทุนการผลิตอื่นๆที่สูงขึ้นมาก อาทิ ค่าขนส่งซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีต้นทุนต่อเนื่องอันเกิดจากราคาของบรรจุภัณฑ์ต่างๆที่ปรับตัวสูงตามสภาวะการณ์อีกด้วย แต่จะเห็นได้ว่าด้วยการบริหารจัดการที่เหมาะสม และทันต่อสถานการณ์ ยังผลให้ ทียูเอฟ ยังสามารถรักษา gross margin ให้อยู่ในระดับ 15% ในไตรมาสสุดท้ายซึ่งสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2548 ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มการกระจายสินค้าในช่องทางใหม่ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยทาง ทียูเอฟ ได้เปิดตัวบริษัทฯ เพื่อการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้ามูลค่าเพิ่มประเภท อาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) ในสหรัฐอเมริกาใหม่อีกหนึ่งแห่งภายใต้แบรนด์ “Chicken of the Sea Frozen Foods” หวังเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและส่งผลให้บริษัทฯ ยังรักษาระดับอัตราการเจริญเติบโตอย่างมั่นคง มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสร้างผลกำไรที่งดงามได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลเพิ่มเติม:
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
นายลภัส ขวัญมงคล
อีเมล์: lapat_kh@thaiunion.co.th tufinbox@thaiunion.co.th
โทรศัพท์: (662) 298-0024 ต่อ 675 - 678
โทรสาร (662) 298-0024 ต่อ 679

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ