MOVIE: MacGruber

ข่าวบันเทิง Thursday July 22, 2010 16:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม ประเภท Action / Comedy คำโปรย The Ultimate Tool กำหนดฉาย 19 สิงหาคม 2010 ความยาว 90 นาที เว็บไซด์ภาพยนตร์ http://www.macgruber.com/ บริษัทจัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์ อำนวยการสร้าง ลอร์น ไมเคิลส์ (Baby Mama, Hot Rod) กำกับ/เขียนบท จอร์ม่า ทัคโคเน่ (Hot Rod, Land of the Lost) นำแสดง วิล ฟอร์เต้ (The Brothers Solomon, Baby Mama) คริสเต็น วิก (Whip It, Date Night) วัล คิลเมอร์ (Batman Forever, At First Sight) ไรอัน ฟิลิปเป้ (Crash, Cruel Intention) เนื้อเรื่อง เขาคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ผ่านการฝึกฝนจาก กรีน เบเร่ต์, เนวี ซีล และหน่วยทหารราบ เขาคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้รับเหรียญเพอร์เพิล ฮาร์ท 16 ครั้ง, เหรียญกล้าหาญ 3 ครั้ง และเหรียญประดับพิเศษจากประธานาธิบดีอีก 7 ครั้ง เขาคือผู้ชายเพียงคนเดียวที่ยังไว้ผมทรงรากไทรจากยุค 80s… หลบไปเลย แม็คกายเวอร์ “ยอดคนสมองเพชร” เพราะ แม็คกรูเบอร์ “ยอดคนสมองบวม” กำลังจะสร้างปรากฏการณ์ความฮา x ความมันส์ระดับโลก 10 ปีหลังจากที่คู่หมั้นของเขาถูกฆาตกรรม แม็คกรูเบอร์ (วิล ฟอร์เต้ จาก The Brothers Solomon, Baby Mama) ทหารรับจ้างก็ล้างมือจากวงการและเลิกตามล่าอาชญากร แต่เมื่อประเทศชาติต้องการคนมีฝีมือ เพื่อช่วยตามหาหัวรบนิวเคลียร์ที่ถูก ดีเตอร์ วอน คันท์ (วัล คิลเมอร์ จาก Batman Forever, At First Sight) ศัตรูคู่อาฆาตของ แม็คกรูเบอร์ ขโมยไป เขาจึงเป็นคนเดียวที่สามารถนำกลับมาได้ แม็คกรูเบอร์ รวบรวมผู้เชี่ยวชาญเพื่อปฏิบัติภารกิจสุดโหด ไม่ว่าจะเป็น ผู้หมวดดิกสัน ไพเพอร์ (ไรอัน ฟิลิปเป้ จาก Crash, Cruel Intention) และ วิคกี้ เซนต์ เอลโม (คริสเต็น วิก จาก Whip It, Date Night) ทั้งสามต้องต่อสู้กับกองทัพมือสังหาร และต้องไล่ล่า ดีเตอร์ วอน คันท์ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีภายใต้กระบวนการยุติธรรมให้จงได้ ถึงแม้วิธีการจะบูดเบี้ยวผิดธรรมชาติแค่ไหน ถึงแม้สถานที่เกิดเหตุจะเละตุ้มเปะเพียงใด แต่ถ้าคุณอยากให้โลกเกิดความสงบสุข อย่าลืมเรียกใช้ แม็คกรูเบอร์ MacGruber กำกับโดย จอร์ม่า ทัคโคเน่ หนึ่งในนักแสดงจากรายการ Saturday Night Live ซึ่งควบหน้าที่เป็นผู้เขียนบทร่วมกับพระเอกของเรื่อง วิล ฟอร์เต้ และ จอห์น โซโลมอน นักเขียยนบทจาก SNL หนังอำนวยการสร้างโดย ลอร์น ไมเคิลส์ (Baby Mama, Mean Girls) ผู้ให้กำเนิดรายการ SNL และ จอห์น โกลด์วีน (Baby Mama, Dexter) ทีมงานเบื้องหลังของ MacGruber ประกอบไปด้วย ผู้กำกับภาพ แบรนดอน ทรอส (Crank: High Voltage, In Good Company), ผู้ออกแบบงานสร้าง ร็อบ วิลสัน-คิง (Just Friends, Scary Movie), ผู้ตัดต่อภาพ เจมี่ กรอส (Role Models) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซูซานน่า พรุสโต (Dark Country, Cleaner) MacGruber: ต้นกำเนิดฮีโร่กับภารกิจสุดอันตราย แม็คกรูเบอร์ ฮีโร่หลงยุคปรากฏตัวครั้งแรกในรายการ Saturday Night Live ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง โดยผู้ชมโหวตให้เป็นตัวละครยอดเยี่ยมที่สุดตัวหนึ่งของรายการ ผู้กำกับและเขียนบท จอร์ม่า ทัคโคเน่ อธิบายถึงจุดกำเนิดว่า "แม็คกรูเบอร์ เป็นตัวละครที่ผมเสนอให้กับทางรายการ SNL พวกเราถ่ายสเก็ตช์ครั้งละสามตอน โดย แม็คกรูเบอร์ จะทำภารกิจของเขาได้แย่ลงเรื่อยๆ เขาเป็นพวกชอบดื่มและสูญเงินทั้งหมดในตลาดหุ้น เขาคือตัวแทนของชาวอเมริกันในสภาพความเป็นจริง" ตัวละครนี้ได้รับแรงเชียร์ให้สร้างเป็นภาพยนตร์ หลังจากที่เขามีบทบาทในโฆษณาของซุปเปอร์โบวล์ ที่ออกฉายไปทั่วประเทศ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2009 โดยผู้ให้กำเนิดรายการ SNL ลอร์น ไมเคิลส์ เป็นคนเสนอไอเดีย "แม็คกรูเบอร์ เป็นตัวละครที่ฮิตที่สุดในรายการ โฆษณาที่ทำให้กับทางซุปเปอร์โบวล์ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ดังนั้นพวกเราเลยตัดสินใจทำเป็นภาพยนตร์" สองผู้ร่วมอำนวยการสร้าง จอห์น โกลด์วีน และ ไรอัน คาวานาห์ ได้รวบรวมทีมงานเพื่อสร้างหนัง โดย ลอร์น ไมเคิลส์ มีเป้าหมายเดียวในการสร้าง MacGruber นั้นก็คือการทำให้คนดูหัวเราะ "หนังเรื่องนี้มีจุดประสงค์เดียวก็คือการผลิตเสียงหัวเราะ ผมไม่รู้สึกละอายใจเลยที่ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนดูขำกลิ้ง มันก็เหมือนกับขนมหวาน เมื่อคุณได้ลิ้มลองไปแล้ว ก็จะหักห้ามใจให้กินอีกไม่ได้" บทภาพยนตร์ MacGruber เป็นการรวมหัวกันเขียนโดย วิล ฟอร์เต้ และเพื่อนร่วมรายการ SNL อย่าง จอร์ม่า ทัคโคเน่ และ จอห์น โซโลมอน โดยพระเอกของเรื่อง ฟอร์เต้ เล่าว่า "เมื่อ ลอร์น ประกาศที่สร้างหนังของ แม็คกรูเบอร์ สิ่งแรกที่แว็บเข้ามาในสมองของพวกเราก็คือ "จะบ้าเหรอ" (หัวเราะ) เพราะว่ามันเป็นสเก็ตช์ความยาว 60 วินาทีในรายการ SNL ซึ่งจบด้วยการระเบิดทุกครั้ง แต่เมื่อผ่านไปสักพักเราก็รู้สึกว่ามันอาจไม่บ้าอย่างที่คิด เพราะพวกเรามีไอเดียเจ๋งๆมากมายที่สามารถนำมาขยายให้เป็นภาพยนตร์" ฟอร์เต้ เล่าว่า การหาเวลาเพื่อเขียนบทภาพยนตร์เป็นเรื่องลำบาก เพราะต้องเตรียมงานเพื่อแสดงใน SNL ทุกคืนวันเสาร์ "ตารางทำงานของ SNL ทำให้เราหมดทั้งพลังกายและใจ พวกเราต้องหาเวลาว่างในการเขียนบท แต่โชคดีที่ จอร์ม่า และ จอห์น เป็นเพื่อนสนิทของผม ทำให้พวกเราเสนอไอเดียได้แบบไม่ต้องอาย มันถือเป็นประสบการณ์ที่สุดยอด" จอห์น โซโลมอน เสริมถึงการเขียนบทว่า "พวกเราหลงรักหนังแอ็คชั่นยุค 80s มันไม่ยากที่จะเขียนพล็อตเรื่อง เพราะเรามี แม็คกรูเบอร์ อยู่แล้ว เราก็แค่นำเขากลับมาสู่เกมส์ และก็โชคดี จอร์ม่า มีความสามารถในการทำงานร่วมกับนักแสดง เขายังมีวิสัยทัศน์และความคิดสร้างสรรค์แบบผู้กำกับ" โอกาสในการปรับเปลี่ยนสเก็ตช์ของ SNL ให้กลายเป็นหนังยาว โซโลมอน เล่าว่า เขาต้องการสร้างเรื่องให้มีความซับซ้อนมากกว่าต้นฉบับ "แม็คกรูเบอร์ เป็นฮีโร่ที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง พวกเรามีโอกาศขยายเรื่องราวในสโคปที่ใหญ่ขึ้น มากกว่าสิ่งที่คุณเห็นในสเก็ตช์ความยาว 3 นาที และเรายังได้รับไฟเขียวในการทำให้มันเป็นหนังตลกติดเรท ทำให้เราสร้างสรรค์ความฮาได้แบบไม่มีขอบเขต" รายการ SNL มีนักแสดงประมาณ 20 คน ที่ต้องเขียนสเก็ตช์ประมาณ 40-50 ชุดในแต่ละอาทิตย์ ก่อนที่จะคัดเหลือประมาณ 12 ชุดเพื่อนำมาแสดงสดในเวลา 11.30 ของทุกคืนวันเสาร์ แต่นักแสดงสามคนที่ทำงานให้กับ MacGruber ใช้เวลาว่างจากงานประจำเพื่อเขียนบทกว่า 6 เดือน และขอลาเป็นกรณีพิเศษจาก SNL เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์” ผู้อำนวยการสร้าง จอห์น โกลด์วีน เล่าถึงความแตกต่างของการทำงานว่า "การทำงานใน SNL คุณจะเริ่มต้นแบบสมองว่างเปล่าในวันจันทร์ และคุณก็มีเส้นตายถึงคืนวันเสาร์ ดังนั้นคุณก็ต้องคิดให้รวดเร็ว ไม่มีไอเดียที่ครึ่งๆกลางๆ ไอเดียที่ดีที่สุดจะอยู่รอดบนโต๊ะ และไม่มีการผิดใจกันถ้าสเก็ตช์ของตัวเองไม่ผ่านการคัดเลือก ผมคิดว่าความรวดเร็วช่วยเสริมสร้างคุณภาพ มันทำให้การแสดงมีพลังงาน และช่วยสร้างความตื่นเต้นที่คุณไม่ค่อยรู้สึกในหนังทั่วไป พวกเราโชคดีที่ทีมสร้างของ MacGruber ทำงานด้วยกันมานานและเป็นเพื่อนสนิทกัน" เพื่อนสนิททั้งสามร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ โดยพวกเขาได้ถ่ายทอดความรักต่อหนังแอ็คชั่นออกมา โดย จอร์ม่า ทัคโคเน่ ผู้กำกับ เล่าว่า "พวกเราเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังแอ็คชั่นในช่วงปลายยุค 80s ถึงต้นยุค 90s หนังแอ็คชั่นอย่าง Die Hard, Lethal Weapon และ Rambo III พวกเรารู้ว่าตัวเองต้องการสร้างในแนวทางแบบนั้น" MacGruber: คัดเลือกสมาชิกทีมและเหล่าร้าย วิล ฟอร์เต้ รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ที่จะกลับไปรับบทเป็นฮีโร่ที่ผ่านการฝึกฝนกับ กรีน เบเร่ต์, เนวี ซีล และหน่วยทหารราบ และต้องต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่เขาก็พร้อมที่จะรับมือกับความท้าทาย โดยได้อธิบายถึงการถ่ายทำ MacGruber เวอร์ชั่นหนัง ด้วยการทำให้เหมือนกับที่ทำให้สเก็ตช์ แต่ผู้ชมจะได้รู้เรื่องราวที่มากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตของโครตทหารรับจ้างคนนี้ "เขายังมีจิตวิญญาณเดียวกัน แม็คกรูเบอร์ ใน SNL โดยคิดว่าเขามีคำตอบให้กับทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย" ความสามารถของ ฟอร์เต้ ในการผสมผสานจังหวะการเล่นมุขกับการแสดงฉากแอ็คชั่นอย่างลงตัว ทำให้ จอร์ม่า ทัคโคเน่ ผู้กำกับกล่าวชื่นชมว่า "วิล เป็นเครื่องจักรสังหารที่ปล่อยมุขได้เชี่ยวที่สุด เขาทุ่มเทกับการแสดงในระดับ 150 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง เขาทำงานจนกระทั่งหมดพลังจากการทำเรื่องเพี้ยนๆทุกเทคในแต่ละวัน" โกลด์วีน เห็นด้วยกับผู้กำกับในความกระตือรือล้นของ ฟอร์เต้ "วิล มีความทุ่มเทกับการแสดงนี้ ทุกสิ่งที่บ่งบอกความเป็น แม็คกรูเบอร์ และเรื่องเพี้ยนๆที่เขาทำ ซึ่งทำให้ผู้ชมต้องอ้าปากค้างแล้วบอกว่า “คิดได้ไง” มีหลายสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง และนั้นทำให้หนังเรื่อง MacGruber มีความสนุกที่สุด" ถึงแม้ วิล ฟอร์เต้ จะเชี่ยวชาญเรื่องการดั้นสดมาตั้งแต่เข้าวงการ แต่เขาคิดว่าการกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะถือเป็นเรื่องลำบาก โดยเฉพาะเมื่อทำงานกับนักแสดง SNL คนอื่นในเรื่อง "มีคนที่ฮามากกว่าผมมากมายในเรื่องนี้ ผมต้องทำหน้าตายเพราะตัวเองต้องตั้งสติเพื่อพูดบท ซึ่งมันก็เป็นเรื่องลำบากเมื่อแสดงคู่กับ คริสเต็น วิก เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ตลกมาก" นักแสดงหญิงมากความสามารถจากรายการ SNL ที่ก้าวเข้ามาในโลกภาพยนตร์ก่อนแล้วใน Knocked Up, Adventureland และ Whip It อย่าง คริสเต็น วิก ตอบตกลงโดยทันทีเพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับ MacGruber ซึ่งเธอก็กลับมารับบทเดิมเป็น วิคกี้ เซนต์ เอลโม สาวนักต่อสู้อาชญากรรมที่มักตกอยู่ในอันตราย วิก เล่าถึงการตอบตกลงรับบทนี้ว่า "ฉันชื่นชอบเธอตั้งแต่ได้เล่นสเก็ตช์นี้กับ วิล ดังนั้นการได้แสดงคู่กับเขาในหนังยาวจึงเป็นประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่า ฉันได้ทำงานกับเพื่อนเก่าจาก SNL จอร์ม่า ก็ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับครั้งแรกได้ยอดเยี่ยม มันมีความอบอุ่นเหมือนการทำงานกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะการเดินทางไปถ่ายทำที่เมืองอัลบูเคอร์กี้” สำหรับบทบาทของฮีโร่สาวพูดน้อยต่อยหนัก ที่มีเสียงร้องบาดใจและลูกหมุนเตะที่น่าทึ่ง คริสเต็น ได้สวมวิกกระบังลมและการแต่งตัวจากยุค 80s วิคกี้ เซนต์ เอลโม คือยอดฝีมือหญิงที่ล้างมือจากการปราบอาชญากรรม และเศร้าโศกกับผู้ชายที่เธอคิดว่าตายไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โดย วิก พูดถึงตัวละครนี้ว่า "วิคกี้ มีสไตล์เป็นของตัวเอง คุณจะไม่เห็นผมหรือเสื้อผ้าแบบนี้เดินไปเดินมาในปัจจุบัน" ไรอัน ฟิลิปเป้, วัล คิลเมอร์ และ พาวเวอร์ บูธ ได้รับบทบาทที่สำคัญไม่แพ้ วิล ฟอร์เต้ และ คริสติน วิก โดย โกลด์วิน อธิบายว่า "พวกเขามอบเรื่องราวที่เข้มข้นให้กับ MacGruber เพราะพวกเขาคือตัวละครที่อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งช่วยเน้นความเป็นตัวละครหลุดโลกในแบบ แม็คกรูเบอร์" โกลด์วิน อธิบายถึงการติดต่อให้ดาราชื่อดังอย่าง ไรอัน ฟิลิปเป้ และ วัล คิลเมอร์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงว่า "พวกเราต้องการนักแสดงที่คนดูจะจำหน้าได้ทันที ซึ่งการซ้อมอ่านบทครั้งแรกก็ทำให้เรานึกถึง ไรอัน และ วัล พวกเราคิดว่าทั้งคู่ได้พิสูจน์ตัวเองในหนังบล็อคบัสเตอร์เรื่องอื่นมาแล้ว และเมื่อเราขอให้พวกเขาเข้ามาอ่านบท เราก็รู้สึกโชคดีเมื่อทั้งคู่ตอบตกลงทันที" ลอร์น ไมเคิลส์ ยอมรับว่า เขารู้ทันทีว่า คิลเมอร์ เหมาะสมที่สุดสำหรับบท ดีเตอร์ วอน คันท์ อาชญากรเลือดเย็นที่เคยเป็นเพื่อนสนิทของ แม็คกรูเบอร์ "วัล เคยเป็นพิธีกรรับเชิญให้ทาง SNL เมื่อหลายปีก่อนและเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างฮา นี่คือตัวผู้ร้าย แต่เขาก็ต้องเป็นผู้ร้ายที่สร้างเสียหัวเราะ ซึ่ง วัล ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เขาคือตัวเลือกแรกและตัวเลือกเดียวของพวกเรา" คิลเมอร์ พูดถึงสาเหตุที่เขาเข้ามารับบทว่า "นี่คือการซ้อมอ่านบทที่ตลกที่สุดเท่าที่ผมเคยเข้าร่วม วิล เป็นคนที่ตลกแบบไม่ต้องพยายาม ระหว่างการอ่านบทกาแฟทะลักออกทางจมูกของผมถึงสองครั้ง รวมถึงคนอื่นด้วย คริสเต็น จอร์ม่า และทุกคน มันมีความรู้สึกที่น่าดึงดูดและอบอุ่น ทำให้คุณอยากร่วมงานกับพวกเขา" วัล คิลเมอร์ เองก็สามารถได้แสดงบทบาทผู้ร้ายตัวเอ้ได้อย่างน่าทึ่ง โดยเขาเล่าถึงตัวละครนี้ว่า "คันท์ สามารถทำอะไรก็ได้กับศัตรูคู่อาฆาตของเขา ในที่สุดเขาก็สามารถจับตัว แม็คกรูเบอร์ แต่เขาก็อยากกวนประสาทศัตรูของเขามากกว่า เหมือนกับสงครามในสนามเด็กเล่น ที่ตัวละครของผมเหมือนเป็นเด็กโข่งเจ้าถิ่นที่คอยแกล้งพวกเด็กตัวเล็กกว่า" ไรอัน ฟิลิปเป้ รับบทเป็นผู้หมวด ดิกสัน ไพเพอร์ ที่ทำงานร่วมกับ แม็คกรูเบอร์ ในการตามล่าตัว คันท์ โดยที่ แม็คกรูเบอร์ รู้สึกไม่พอใจที่มีเขาเข้ามาร่วมทีม ซึ่ง ไพเพอร์ ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมของ แม็คกรูเบอร์ และทนกับวิธีการห่ามๆของ แม็คกรูเบอร์ ที่ไม่เคยสัมฤทธิ์ผลสักครั้งเดียว ฟิลิปเป้ เป็นที่รู้จักในหนังทริลเลอร์และดราม่า เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นกับการเป็นส่วนหนึ่งในหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ "ผลงานที่ผ่านมาผมมักจะแสดงเป็นตัวละครที่เต็มไปด้วยความเก็บกด (หัวเราะ) ผมจึงคิดว่านี่คงเป็นโปรเจ็คที่น่าสนุก ที่คุณได้หัวเราะตั้งแต่เช้ายันเย็น โดยตั้งแต่อายุ 11 ผมดูรายการ SNL แทบทุกวันเสาร์ และผมก็เป็นแฟนตัวยงของ คริสเต็น และ วิล พวกเขาคืออัจฉริยะทางการแสดงตลก" การแสดงหนังตลกถือเป็นของใหม่สำหรับ ฟิลิปเป้ แต่เขามีเรื่องท้าทายมากกว่านั้นบนกองถ่าย "ผมพยายามที่จะไม่ระเบิดเสียวหัวเราะออกมา ผมไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ต้องแสดงกับทีมนักแสดงตลกที่ฮาแตกแบบนี้มาก่อน พวกเขามักพูดเรื่องอะไรที่เพี้ยนที่สุดออกมา ซึ่งคุณก็ต้องทำหน้าตานิ่งเฉย ถ้ามุขตลกอยู่ในบทาภาพยนตร์ ผมก็ยังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้ แต่เมื่อ วิล และคนอื่นเริ่มดั้นสด คุยก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าอะไรมันจะไปทางไหน" นักแสดงที่เป็นศิษย์เก่าของรายการ SNL ที่มีบทบาทในเรื่องนี้ก็คือ มายา รูดอล์ฟ รับบทเป็นคู่หมั้นของ แม็คกรูเบอร์ และเพื่อนของ วิคกี้ โดยเธอเป็นคนที่นำ แม็คกรูเบอร์ กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริง โดย รูดอล์ฟ และ ฟอร์เต้ ได้สร้างฉากที่น่าจดจำที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง ผู้กำกับ ทัคโคเน่ พูดถึงนักแสดงคนนี้ว่า "พวกเราต้องการ มายา เพราะว่าเธอเคยรับบทเป็น เคซี่ย์ ภรรยาของ แม็คกรูเบอร์ ในสเก็ตช์ต้นฉบับ" นอกจากนั้นการคัดเลือกสมาชิกโครตทีมอันตราย ที่ แม็คกรูเบอร์ จัดตั้งทีมเพื่อทำภารกิจครั้งล่าสุด ผู้กำกับ ทัคโคเน่ และทีมงานก็ติดต่อไปทาง WWE เจ้าพ่อแห่งวงการมวยปล้ำ โดยนักมวยปล้ำซุปเปอร์สตาร์ ที่เข้ามาร่วมแสดงประกอบไปด้วย “คริส เจริโค” ในบทมือสังหาร M-16 แฟรงค์ คอร์เวอร์, “บิ๊ก โชว์” ในบทช่างกลสมองเพชร บริค ฮิวจ์, “มาร์ค เฮนรี่” ในบทจอมพลัง ทุต บีมเมอร์, “เอ็มวีพี” ในบทผู้เชี่ยวชาญเรื่องระเบิด ทัค เฟล์ป, “เคน” ในบทนักแม่นปืน แทงเกอร์ ลัทธ์ และ “เกรท คาลี” ในบทจอมโหด เวอร์นอน ฟรีด้อม คริส เจริโค เป็นแฟนพันธุ์แท้ของรายการ SNL และเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสกับการได้แสดงหนังร่วมกับสมาชิกของ SNL เขาบอกว่าตัวเองและ ฟอร์เต้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คล้ายกัน และพวกเขายังเคยเป็นสมาชิกของทีมเล่นตลกดั้นสดในแอลเอ สำหรับทีมนักแสดงที่มาจาก WWE การดั้นสดไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลจากอาชีพของพวกเขาสักเท่าไร เจริโค อธิบายว่า "การเป็นนักมวยปล้ำอยู่ในสังกัด WWE ก็เหมือนกับการเป็นดาราฮอลลิวู้ดในโลกกีฬา คุณจะได้ประสบการณ์ทุกสิ่งทุกอย่าง ดราม่า แอ็คชั่น การผจญภัย ตลก ทุกคนที่ทำงานกับใน WWE สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้ตามสถานการณ์ และเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้า" พอล ไวท์ หรือชื่อที่ใช้ในสังเวียนว่า บิ๊ก โชว์ เชื่อว่า การทำงานในหนังร่วมกับทีมงาน ถือว่าง่ายกว่าการต้องปล้ำในรายการ WWE เสียอีก "พวกเรามีเวลาในการเตรียมตัวในหนัง ทั้งการซ้อมและการจัดเตรียมเรื่องมุมกล้อง พวกเขาบอกให้คุณทำอะไรบ้างและต้องไปจุดไหน แต่ใน WWE วินซ์ แม็คแมน เดินมาส่งบทให้ผมก่อนที่จะขึ้นไปบนสังเวียนแค่ 5 นาที" MacGruber: สถานที่ถ่ายทำและการออกแบบงานสร้าง MacGruber ถ่ายทำกันในเมืองอัลบูเคอร์กี้ รัฐนิวเม็กซิโก ในระยะเวลาการถ่ายทำเพียง 28 วัน โดยถึงแม้ว่าทีมงานจะเป็นเพื่อนกันมานาน แต่ วิล ฟอร์เต้ ก็ยอมรับว่า ตอนแรกเขาก็ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับ ทัคโคเน่ จะทำออกมาได้ยังไง แต่เมื่อเขาได้เห็นโปรเจ็คเกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างความสงสัยก็หมดไป "MacGruber กลายเป็นหนังแอ็คชั่นทุนสร้างสูง ซึ่งมันก็เกิดขึ้นได้เพราะ จอร์ม่า ผู้กำกับภาพ แบรนดอน ทรอส รวมถึงทีมงานเบื้องหลังทุกคน" การหาสถานที่ถ่ายทำในช่วงพรี-โปรดักชั่นถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย ทุกคนพยายามหาสถานที่ที่เหมาะที่สุด โดยผู้ออกแบบงานสร้าง ร็อบ วิลสัน-คิง เล่าว่า "พวกเราต้องการถนนร้างที่ยานพาหนะของทหารต้องถูกปล้น เรายังต้องการโบสถ์ในอเมริกาใต้ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ที่ แม็คกรูเบอร์ ซ่อนตัวก่อนที่จะถูกเรียกกลับไปรับใช้ชาติ รวมถึงฉากแต่งงานตรงหน้าผา รวมถึงสำนักงานใหญ่ของเพนตาก้อน ทีมงานของผมไม่ได้หยุดในการหาสถานที่เหล่านี้เลย" ฟอร์เต้ มีปัญหากับเครื่องแต่งกาย รวมถึงนักแสดงคนอื่นที่เหมือนโดนย่างภายใต้แสงแดดอันร้อนแรงของเมืองอัลบูเคอร์กี้ เขาเล่าว่า "มันต้องอยู่ในช่วงต้นยุค 90s ผมเลยต้องสวมเสื้อแขนยาวและมีเสื้อกั๊กสวมทับอีกที และผมยังต้องสวมวิกใหญ่อีก ขอบอกตามตรงว่ามันโครตร้อนเลย" วันแรกของการถ่ายทำเกิดขึ้นในเหมืองยิบซั่มที่อยู่ใน เซีย พูเอโบว ทางตอนเหนือของเมืองอัลบูเคอร์กี้ ซึ่งถูกใช้เป็นถนนในประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ คันท์ และลูกสมุนดักขโมยอาวุธสงคราม โดยหลังจากนั้นทีมงานก็ไปถ่ายทำใน เอล แรนโช่ ใกล้พิพิธพันธ์ในเมืองซานตาเฟ่ ซึ่งถูกใช้เป็นโบสถ์ที่ แม็คกรูเบอร์ มาหลบและเป็นสถานที่พักพิงทางใจ สถานที่ที่ ดีเตอร์ วอน คันท์ ใช้เป็นฐานบัญชาการก็คือ โรงงานพลังไฟฟ้าของรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งทางการได้อนุญาตให้ทีมงานได้สร้างหัวรบนิวเคลียร์ครอบไว้บนเครื่องให้กำเนิดไฟฟ้า โดย คิง และทีมงานของเขาใช้เวลาหลายอาทิตย์ในโรงงานไฟฟ้า ซึ่งประชาชนรอบพื้นที่ต่างก็มีน้ำใจ หลังจากที่ต้องทนกับเสียงระเบิดและเสียงปืนในช่วงค่ำคืนตลอดการถ่ายทำ ในฉากไนท์คลับในลาสเวกัส ที่ แม็คกรูเบอร์ เผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาตเป็นครั้งแรก ทีมงานก็ได้ไปถ่ายทำกันที่ ไอเซิลต้า คาสิโน แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งเพิ่งเปิดในรัฐนิวเม็กซิโก ในขณะที่ฉากแต่งงานที่สำคัญ คิง และทีมงานก็ได้ใช้สวนสาธารณะ อัลบูเคอร์กี้ โบทานิค ซึ่งมีสวนญี่ปุ่นซ่อนอยู่ข้างในอีกที ฉากระเบิดครั้งใหญ่ ที่ แม็คกรูเบอร์ เข้าใจว่าทีมงานของเขาอาจไม่รอดจากภารกิจนี้ เกิดขึ้นในสนามบินอัลบูเคอร์กี้ โดยทีมงานได้ติดป้ายเตือนบนสองฟากของฟรีเวย์ว่า จะมีลูกไฟขนาดมหึมาเกิดขึ้นแถวสนามบิน เพราะทีมงานไม่อยากให้หน่วยรักษาความปลอดภัย หรือว่าตำรวจที่ได้รับแจ้งเหตุเดินทางมาดูเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้องมีศพปลอมเกลื่อนกลาดอยู่เต็มรันเวย์ ลอร์น ไมเคิลส์ อธิบายถึงการถ่ายทำของ MacGruber ว่า "พวกเราถ่ายทำด้วยระบบดิจิตอล ซึ่งภาพก็มีความละเอียดสูงจนสามารถฉายเป็นระบบไฮ-เดฟได้ นี่คือหนังที่สร้างจากตัวละครใน SNL ที่มีลงทุนสูงที่สุดเท่าที่เคยสร้าง มีบางอย่างที่พิเศษในกระบวนการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้" MacGruber: การถ่ายทำฉากแอ็คชั่น ในหนังแอ็คชั่น-คอมเมดี้ทุกเรื่อง ก็ต้องมีการผิดคิวหรือเจ็บตัวกันอยู่แล้ว ซึ่ง วิล ฟอร์เต้ ก็ได้แสดงฉากแอ็คชั่นด้วยตัวเอง (เท่าที่เขาทำได้) และเขาก็ต้องอัดสตันท์แมนฝ่ายตรงข้ามจังๆหลายครั้ง "ผมรู้สึกแย่มากเวลาผิดคิว เช่นฉากต่อสู้กับ วัล ซึ่งผมต้องต่อสู้กับสตันท์แมน มีการเหวี่ยงหมัดและเตะกันมากมาย โดยระหว่างการถ่ายทำฉากนั้น ผมตีศอกเข้าใบหน้าของเขา แน่นนอนที่เขาเป็นสตันท์แมนที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว เขาก็เลยบอกผมว่าไม่เป็นไร ถึงแม้ตอนนั้นเลือดกำเดาของเขาจะไหลอยู่ก็ตาม" วิล ฟอร์เต้ เล่าต่อว่า "ในอีก 10 นาทีต่อมา ผมต้องฟาดเขาด้วยไม้ที่ทำจากพลาสติก และผมก็ฟาดเข้าหน้าของสตันท์แมนคนเดิมอีกครั้ง มันดูสมจริงมากในมอนิเตอร์ ซึ่งเป็นเพราะว่ามันโดนจริงๆ (หัวเราะ) ผมบอกเขาว่า "โอ้ พระเจ้า ผมขอโทษ ผมไม่ได้อาฆาตแค้นคุณหรืออะไรหรอกนะ มันเป็นอุบัติเหตุ" เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร และบอกผมว่าตัวเองไม่รู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ ผมว่าพวกสตันท์แมนนี้แมนจริงๆ พวกเขาทำให้เราดูเป็นแอ็คชั่นฮีโร่แบบสมจริง พวกเขามีการฝึกซ้อมและทำการบ้านมาเป็นอย่างดี" ถึงแม้ว่าจะอยู่เบื้องหลัง แต่ผู้กำกับ จอร์ม่า ทัคโคเน่ เองก็ได้ออกแอ็คชั่นกับเค้าเหมือนกัน "ความจริงผมไม่อยากมีบทบาทในหนังเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว (หัวเราะ) ผมคิดว่าแค่การกำกับหนังเป็นครั้งแรกก็หนักพอแล้ว แต่ผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากในฉากแอ็คชั่นไคลแม็กซ์ โดยพวกเราถ่ายทำกันในช่วงตีสี่ตอนเช้า ผมเลยตัดสินใจอาสาเป็นลูกกระจ๊อกของ วัล ที่ต้องใช้ปืน AK-47 ผมไม่เคยยิงปืนมาก่อนในชีวิต และการได้ยิงปืนจริงๆเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ดังนั้นคุณจะได้เห็นผมติดหนวดปลอม และทำตัวเป็นลูกสมุนอยู่ฉากหลังไกลๆ ยังไงก็อย่าลืมดูบทบาทของผมละกัน (หัวเราะ)" ประวัติทีมนักแสดง วิล ฟอร์เต้ (รับบทเป็น แม็คกรูเบอร์/เขียนบท) วิล ฟอร์เต้ เกิดในอัลลาเมด้า เค้าท์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย สำเร็จการศึกษาจาก อคาลาเนส ไฮสกูล และมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ เอกประวัติศาสตร์ โดยเขาได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการ Saturday Night Live ตั้งแต่ปี 2002 โดยแสดงเป็นประธานาธิปดี จอร์จ ดับบลิว บุช ต่อจาก วิล เฟอร์เรล นักแสดงตลกรุ่นพี่ที่ออกจากรายการไปเพื่อแสดงหนัง โดย วิล ก็ยังมีตัวละครที่เขาสร้างขึ้นมาที่น่าจดจำอย่าง เดอะ ฟัลคอนเนอร์, ทิม คาลฮูน, มร ดิลตัน รวมถึง แม็คกรูเบอร์ นอกจากนั้น วิล ยังเป็นผู้อำนวยการสร้าง/เขียนบทให้กับซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง Late Show with David Letterman, 3rd Rock from the Sun และ That '70s Show โดยยังมีรับบทรับเชิญในหนังอย่าง Around the World in 80 Days ที่นำแสดงโดย เฉินหลง และ Baby Mama ที่นำแสดงโดย ทีน่า เฟย์ และ เอมี่ โพห์เลอร์ วิล ฟอร์เต้ ยังเขียนบทและรับบทนำในหนังตลกเรื่อง The Brothers Solomon คู่กับ วิลล์ อาร์เน็ตต์ โดยเขายังให้เสียงพากษ์ในการ์ตูนชื่อดังมากมาย เช่น Clone High ที่เคยฉายทาง ทรู ซีรี่ย์, American Dad! และ Cloudy with a Chance of Meatballs อนิเมชั่นที่เพิ่งเข้าฉายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คริสเต็น วิก (รับบทเป็น วิคกี้ เซนต์ เอลโม) คริสเต็น วิก เกิดในเมืองนิวยอร์ค สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอริโซน่า เอกศิลปศาสตร์ เธอก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงด้วยการรับจ็อบเดี่ยวไมโครโฟนในรายการ The Perks และเป็นหนังในสมาชิกรายการล้อเลียนที่ชื่อ The Joe Schmo Show ที่ฉายทาง Spike TV วิก เข้ามาเป็นสมาชิกในรายการ Saturday Night Live ตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบัน โดยฝากตัวละครที่มีความโดดเด่นอย่าง เพเนโลปี้, จิลลี่ นักเรียนสาวแก่แดด, ซู ผู้หญิงขี้ตกใจ, จูดี้ ไกรมส์ เอเย่นส์ท่องเที่ยว รวมถึง วิคกี้ เซนต์ เอลโม สาวแกร่งคู่หูของ แม็คกรูเบอร์ วิก ก้าวเข้ามาในวงการภาพยนตร์เรื่องแรกกับ Knocked Up ของผู้กำกับ จัดด์ อาพาโทว์ หนังตลกที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และยังทำรายได้ถล่มทลาย จากนั้นเธอก็มีผลงานการแสดงออกมาอีกเรื่อยๆ เช่น Walk Hard ของผู้กำกับ เจค แคสเด็น, Ghost Town แสดงคู่กับ ริคกี้ เจอร์เวส และ เกร็ก คินเนียร์, Extract แสดงคู่กับ เจสัน เบทแมน และ เบน แอฟเฟล็ค รวมถึง Whip It ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ ดรูว แบร์รี่มอร์ ที่เธอจับคู่กับนักแสดงดาวรุ่งอย่าง แอลเลน เพจ ผลงานในช่วงหลงของ วิก ก็มีอย่างเช่น Adventureland ที่นำแสดงโดย คริสเต็น สจ๊วต และ เจสซี่ ไฮเซนเบิร์ก, Date Night ที่นำแสดงโดย ทีน่า เฟย์ และ สตีฟ คาร์เรล รวมถึงการให้เสียพากษ์ใน Ice Age: Dawn of the Dinosaurs และ How to Train Your Dragon ที่เพิ่งลงโรงฉายไปไม่นาน วัล คิลเมอร์ (รับบทเป็น ดีเตอร์ วอน คันท์) วัล คิลเมอร์ เกิดที่เมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงวัยรุ่นเขาได้เข้าเรียนโปรแกรมการละครของ จูลิยาร์ด อาชีพการแสดงของ วัล เริ่มต้นบนเวที โดยเป็นส่วนหนึ่งของโรงละครที่แสดงในบทแฮมเล็ทในปี 1988 ในงานโคโลราโด เช็คสเปียร์ เฟสติวัล ผลงานด้านภาพยนตร์ของ วัล เริ่มขึ้นในปี 1984 เมื่อเขาได้รับบทเป็น นิค ริเวอร์ส ในภาพยนตร์เรื่อง Top Secret! โดยเขายังได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์อีกด้วย จากนั้นเขาก็ได้รับบทเด่นประกบคู่กับ ทอม ครูส ใน Top Gun บทนำในหนังตลกคลาสสิก Real Genius, Willow และ The Doors ที่เขารับบทเป็นนักร้องผู้ล่วงลับ จิม มอร์ริสัน นอกจากนั้นเขายังมีผลงานแสดงต่อมาอีกหลายเรื่องอาทิ True Romance และ Tombstone ในปี 1994 ถือเป็นการประกาศชื่อของ วัล คิลเมอร์ ให้ทุกคนได้รู้ในบท แบทแมน / บรูซ เวย์น ต่อจาก ไมเคิล คีตัน ใน Batman Forever ต่อมาในปี 1997 เขาก็ได้แสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง The Saint และหนังโรแมนติกที่เขารับบทเป็นชายตาบอดที่มีโอกาสมองเห็นอีกครั้งใน At First Sight ประกบคู่กับ มิร่า ซอร์วิโน ผลงานต่อมาของ วัล ประกอบไปด้วย Wonderland หนังประวัติชีวิตของดาราหนังโป๊ชื่อก้อง จอห์น โฮมส์, Spartan หนังทริลเลอร์ของผู้กำกับ เดวิด มาเม็ต, Alexander ของผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน, Kiss Kiss Bang Bang ที่เขาแสดงคู่กบ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูนียร์ และล่าสุดใน The Bad Lieutenant ประคบคู่กับ นิโคลัส เคจ และ อีวา เมนเดส ไรอัน ฟิลิปเป้ (รับบทเป็นผู้หมวด ไพเพอร์ ดิกสัน) ไรอัน ฟิลิปเป้ เกิดในรัฐเดลาแวร์ เขาเข้าเรียนใน นิวคาสเซิล แบบติส อคาเดมี่ โดยเป็นทั้งนักบาสเก็ตบอลและนักฟุตบอล จนเมื่ออายุได้ 15 เขาก็หันความสนใจมาที่การแสดง ประกอบกับที่แมวมองมาพบเขาโดยบังเอิญที่ร้านตัดผม และตัดสินใจพา ไรอัน ไปที่นิวยอร์ค เพื่อรับบทในละครทีวีเรื่อง One Life to Live หลังจากแสดงในละครทีวี ไรอัน ก็ย้ายมายังเมืองลอสแองเจลิส และได้รับบทเล็กๆหนังหลายเรื่อง ก่อนที่ในปี 1997 เขาจะได้รับบทสำคัญครั้งแรกในหนังสยองขวัญเรื่อง I Know What You Did Last Summer ประกบคู่กับ เฟร็ดดี้ ปรินซ์ จูเนียร์, ซาร่า มิเชล เกลลาร์ และ เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิตต์ ในปี 1999 ไรอัน ได้แสดงเรื่อง Cruel Intentions ซึ่งดัดแปลงมาจากบทละครคลาสสิกเรื่อง Les Liaisons Dangereuses จากนั้นเขาก็ยังมีผลงานออกมาเรื่อยๆ เช่น The Way of the Gun แสดงคู่กับ เบนิซิโอ เดล โทโร่, Anitrust แสดงคู่กับ ราเชล ลีห์ คุ๊ก และ ทิม ร็อบบิ้นส์, Gosford Park ของผู้กำกับ โรเบิร์ต อัลท์แมน รวมถึง Crash ที่ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2005 ผลงานในช่วงหลังของ ไรอัน ก็ยังมี Flags of our Fathers หนังสงครามโลกครั้งที่สองของผู้กำกับ คลิ้นส์ อีสวู้ด, Breach ที่เขารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอแสดงคู่กับ คริส คูเปอร์ และ ลอร์ร่า ลินนี่ย์, Stop-Loss หนังสงครามอัฟกานิสถานที่แสดงคู่กับ แชนนิ่ง เททั่ม และ โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิทท์ และล่าสุดในหนังไซไฟเรื่อง Franklyn ที่เขาแสดงคู่กับ อีวา กรีน ประวัติทีมงาน จอร์ม่า ทัคโคเน่ (ผู้กำกับ/เขียนบท) จอร์ม่า เกิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ เอกภาพยนตร์ โดยเขาและเพื่อนสนิทสองคนอย่าง แอนดี้ แชมเบิร์ค และ อากิว่า แชฟเฟอร์ ก่อตั้งทีม The Lonely Island ที่มีผลงานเพลงล้อเลียนชื่อดังออกมามากมาย เช่น Lazy Sunday, Jizz in My Pants, I'm on a Boat และ Dick in a Box (ร่วมร้องโดย จัสติน ทิมเบอร์เลค) ซึ่งอัลบั้มของพวกเขาก็ได้รับรางวัลเอ็มมี่ ในสาขาเพลงสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม จอร์ม่า และเพื่อนๆทีม The Lonely Island ได้ร่วมเป็นสมาชิกในรายการ Saturday Night Live ตั้งแต่ปี 2005 โดยเขาเป็นคนต้นคิดตัวละคร แม็คกรูเบอร์ ขึ้นมา และยังเป็นผู้กำกับโฆษณา แม็คกรูเบอร์ ในช่วงพักครึ่งเวลาของซุปเปอร์โบวล์ประจำปี 2009 นอกจาก MacGruber ซึ่งเป็นผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของเขาแล้ว จอร์ม่า ยังมีผลงานการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Hot Rod ที่นำแสดงโดยเพื่อนของเขาอย่าง แอนดี้ แชมเบิร์ค, การเป็นพระเอกมิวสิควิดีโอ Who's Gonna Save My Soul ของ Gnarls Barkley และเรื่อง Land of the Lost ที่นำแสดงโดย วิล ฟาร์เรล โดยเขารับบทเป็น ชาก้า มนุษย์ยุคหินที่ร่วมผจญภัยไปกับพวกพระเอก ลอร์น ไมเคิลส์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ผลงาน >>> Baby Mama, Hot Rod แบรนดอน ทรอส (ผู้กำกับภาพ) ผลงาน >>> Crank: High Voltage, In Good Company ร็อบ วิลสัน-คิง (ผู้ออกแบบงานสร้าง) ผลงาน >>> Just Friends, Scary Movie เจมี่ กรอส (ผู้ตัดต่อภาพ) ผลงาน >>> Role Models ซูซานน่า พรุสโต (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) ผลงาน >>> Dark Country, Cleaner

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ