กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--ปภ.
พายุโซนร้อนวีเซนเต อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่นแล้ว แต่ยังคงส่งผลกระทบให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคเหนือ และอีสานตอนบน กรมป้องกันฯ จึงประกาศเตือนให้ 17 จังหวัดเสี่ยงภัย เตรียมรับมือ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า พายุโซนร้อนวีเซนเต ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว และได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคเหนือของประเทศไทยบริเวณจังหวัดน่าน ซึ่งจะทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่า ไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัดเชียงราย พะเยา เชียงใหม่ แพร่ น่าน สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม สกลนคร มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ซึ่งจากการตรวจสอบสภาวะฝน เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 19 ก.ย. 48 พบว่า มีกลุ่มฝนกำลังปานกลางปกคลุมเต็มพื้นที่ ของจังหวัดเลย อุดรธานี หนองบัวลำภู น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงราย และลำพูน โดยมีฝนตกเกือบทั่วไปในพื้นที่ดังกล่าว และมีกลุ่มฝนกำลังอ่อนปกคลุมบางส่วนในพื้นที่จังหวัดพะเยา เชียงใหม่ และสุโขทัย โดยมีฝนตกกระจายเป็นแห่งๆ
นายสุนทร กล่าวต่อไปว่า ในเบื้องต้นกรมป้องกันฯ ได้ประสานกับจังหวัดที่มีฝนตกแล้ว ยังไม่พบ
สถานการณ์อุทกภัยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เพื่อให้จังหวัดต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือกับภาวะฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะที่ลาดเชิงเขา ที่ลุ่ม ที่ลาดใกล้ทางน้ำไหล กรมป้องกันฯ จึงได้แจ้งให้จังหวัดที่อยู่ในแนวการเคลื่อนตัวของพายุ จัดเตรียมอุปกรณ์ เครื่องสูบน้ำและเจ้าหน้าที่ ให้พร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง และประสานเตือนให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ เตรียมรับสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ กรมป้องกันฯ ยังได้จัดส่งเรือนท้องแบนไปประจำไว้ในจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เพื่อใช้ในการอพยพและช่วยเหลือประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัย ดังนี้ นครพนม 14 ลำ มุกดาหาร 8 ลำ อุบลราชธานี 13 ลำ หนองคาย 10 ลำ และสำรองไว้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น 20 ลำ เขต 7 สกลนคร 80 ลำ พร้อมได้จัดส่งเครื่องมืออุปกรณ์ ถุงยังชีพ ให้แก่จังหวัดที่คาดว่าจะประสบอุทกภัย เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนทันที หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1784 กรม ปภ. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรมป้องกันฯ จักได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง หน่วยทหาร มูลนิธิ อาสาสมัคร เข้าช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป--จบ--