กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--เจเอสแอล
หากภาพหนึ่งภาพแทนคำได้นับพันคำ ช่างภาพผู้มีหน้าที่บันทึกภาพ จึงต้องทำทุกหนทางที่จะสื่อความหมายและอารมณ์นับพันนั้นออกมาให้ได้ ณัฐ ประกอบสันติสุข ช่างภาพผู้พลิกโฉมการถ่ายภาพแฟชั่นแนวใหม่ของเมืองไทย ต้องผ่านบทเรียนแห่งประสบการณ์ชีวิต และการออกค้นหาในสิ่งที่ตนเองรัก กว่าจะมาเป็นตัวแทนถ่ายทอดความหมายเรื่องราวของภาพถ่ายได้ โดยเขาอาศัยคำดูหมิ่นเหยียดหยามเป็นยาชูพลัง และคำพ่อสอนเป็นสิ่งขับเคลื่อนตนเอง
“ตอนเด็กๆ อยากเป็นหมอ เคยขอคุณพ่อซื้อกล้องจุลทรรศน์ให้ แต่มาคิดดูทีหลัง ที่แท้ตัวเองชอบสอดรู้สอดเห็นเท่านั้น เพราะใจจริงชอบอ่านหนังสือวรรณคดี ตอนสอบก็เลือกที่เดียวเลยคือ อักษร จุฬาฯ เพราะเคยตามพี่สาวไป เห็นว่าตึกสวยดี ได้เรียนเอกวรรณคดีอังกฤษ โทละคร ตอนใกล้จบก็ได้ทำละครดูแลเรื่องคอสตูมเสื้อผ้าสวยๆงามๆ ตั้งแต่จันทร์ถึงเสาร์ วันอาทิตย์มาทำงานประสานงานแฟชั่นให้แพรว ชอบทำงานเยอะๆ แต่ก็เกือบไม่ผ่านทดลองงาน จะผ่านมาได้เลือดตาแทบกระเด็น เมื่อก่อนสไตลิสท์เรียกประสานงานจึงต้องทำทุกอย่าง แล้วเป็นคนชอบจุ่นไว้ใจคนอื่นเลยต้องลงมือทำเองทุกอย่าง จน 8 ปี สนุกกับงานนะแต่คิดอะไรไม่ออกแล้วรู้สึกตัวเองถึงทางตัน พอดีไปเที่ยวเนปาลกับพี่สาว เห็นทิวทัศน์เทือกเขาหิมาลัย นึกเลยว่ายังมีอีกหลายหมื่นล้านอย่างที่เรายังไม่รู้ จึงตัดสินใจไปเปิดหูเปิดตาเรียนรู้สิ่งใหม่ที่อังกฤษ เพราะชอบหนังสือ ID / The Face อยากรู้อยากเข้าใจว่าเขาคิดยังไง ทีแรกให้ กพ. ติดต่อสถานที่เรียนให้ คือ LCP (London College of Printing) แต่เขาช้าไม่ทันใจและจะหาที่เรียนใหม่ให้นอกเมือง เราก็ยืนยันว่าฉันอยากเรียนช่างภาพแฟชั่น เด็กทารกยังต้องการเพลงกล่อมเด็ก ฉันก็ยังต้องการชีวิตที่มีสีสันยามค่ำคืน ก็รวบรวมผลงานตัวเองไปให้อาจารย์ดูเอง เขาก็อนุมัติให้เรียนเทอมต่อไปทันที เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากบอกเยาวชนว่าถ้าเรารู้ตัวเองว่าชอบสิ่งใด จงอย่ารีรอ ให้เราเป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปหาโอกาสเอง”
เมื่อได้เข้าเรียนถ่ายภาพตามต้องการแล้ว แต่การเป็นเอเชียหัวดำเพียงคนเดียวให้ห้อง ก็เลยมีประสบการณ์อันเจ็บปวดให้ได้เรียนรู้ “เราต้องซื้ออุปกรณ์เพื่อการล้างอัดรูป เพื่อนคนอังกฤษที่เราสนิทและเชื่อใจที่สุดก็เป็นคนพาไปซื้อของ แต่วันรุ่งขึ้นกลับได้ยินเขานินทาเรา ว่าเราเป็นเพียงคนเอเชียโง่ๆ ที่หลอกให้ซื้อของแพงก็โง่ซื้อ ก็เจ็บใจและจำไว้ จนเทอมสุดท้ายตอนจบ มีเพียง 5 คนที่ได้คะแนนดีเยี่ยมสูงสุดของห้อง ผมก็จงใจไปสายให้อาจารย์หันมาแสดงความยินดี แล้วขอร้องให้อาจารย์ช่วยอธิบายความหมายของคะแนนที่ได้ ขณะที่ตาผมก็มองเพื่อนคนนั้น เหมือนบอกให้เขารู้ว่า อย่าเหยียดคนอย่าดูถูกคนอย่างเราก็พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราทำได้เก่งกว่าเขา อีกครั้งตอนที่ต้องทำงานเสนอผลงานก่อนจบ ผมก็เสนอไอเดียว่าเราน่าจะไปขอสปอนเซอร์เพื่อให้งานดูสมบูรณ์ขึ้นนะ แต่ตอนนั้นเหลือเวลาเพียง 4-5 อาทิตย์ เพื่อนทุกคนก็หันมาส่งสายตาต่อว่า ว่าพูดอะไรออกมาคนอังกฤษส่วนใหญ่ทำงานต้องวางแผนล่วงหน้า ไม่มีทางที่ใครจะมาสนับสนุนงานได้ทันหรอก แต่ปรากฏว่าผมสามารถไปขอสปอน์เซอร์ทั้งตู้ไฟโชว์ผลงาน ของบล้างอัดขยายฟิลม์ แถมยังได้เบียร์สิงห์มาอีก 6 ลัง พื้นที่แสดงงานของผมเลยเด่นมาก เพื่อนๆก็มาต่อว่าว่าเราขโมยซีน ผมก็ไม่สนใจ ผมถือว่าผมถูกเหยียด ก็จะทำให้ดูว่าทำได้ ผมชอบการ ‘ดูถูก’ นะ ถือว่าเป็นแรงผลักแรงขับสำคัญ ที่ทำให้เราต้องพิสูจน์ ให้เขารู้ว่าไผเป็นไผ”
การดูถูกจึงเป็นเหมือนยาชูพลังให้ ณัฐ มุ่งมั่นทำงานให้ดีที่สุด ประกอบกับคติประจำใจที่คุณพ่อเคยสอนไว้ คือ ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และไม่มีอะไรต้องเสียถ้าหากเราพยายามทำ จึงเป็นผลต่อเนื่องถึงการทำงานทุกวันนี้ ที่ทำให้ ณัฐ ขึ้นชื่อร่ำลือว่า เป็นช่างภาพขี้วีน “ผมยอมรับครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนมีดีในแบบของตน สิ่งเดียวที่ผมเรียกร้องเวลาทำงานคือ ต้องการให้เขาทำอย่างเต็มศักยภาพที่เขามี ผมจึงคาดหวังกับเขาสูง ถ้าเห็นว่าเขาไม่ตั้งใจทำงาน ก็จะวี้ดโวยวายเป็นน้องนกหวีด นางแบบหลายคน น้ำตาร่วงเพราะผมมาแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็น้อยลง ผ่อนลงแล้วนะครับ เพราะพยายามสวดมนต์ทุกวัน แล้วความคิดดีๆ ก็ก่อขึ้นมาเอง เป็นหนทางเดียวที่ทำให้คนวีนๆ อย่างผมสงบลงได้”
นอกจากนั้น ณัฐ ยังเสกสรรค์แปลงโฉมให้ นู๋แหม่ม กลายเป็นสาวสังคมชั้นสูงผู้ร่ำรวยของอเมริกาในยุคซิกตี้เซเว่นตี้ที่แต่งตัวสวยงามอยู่บ้าน โดยมี พี่เป็ด — อภิชาต นรเศรษฐาภรณ์ แต่งหน้า พี่ไก่ — สมพร ธิรินทร์ ทำผม และมี อารยา อินทรา เป็นสไตลิสท์ ซึ่ง นู๋แหม่ม ถึงกับตะลึงปลาบปลื้มเมื่อได้เห็นสองภาพถ่ายขนาดใหญ่ของตนเอง ด้วยภาพทั้งดูสวยและดูแปลกตา ดวงตากลมสวยฉายแววความองอาจและเชื่อมั่นในตนเองสูง ริมฝีปากสดสวยโดดเด่นแบบไม่ยอมเป็นรองใคร แถมยังอ้อนขอให้ ณัฐ นำผลงานมากมายนับตั้งแต่ช่วงแรกให้ชม จึงมีผลงานล่าสุดที่ภาคภูมิใจที่สุด คือ ภาพถ่ายชุดพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กำลังจะตีพิมพ์ปลายปีนี้ โดยได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 50 ช่างภาพชั้นแนวหน้าของโลกที่ได้ร่วมงานนี้ มาแสดงโชว์ใน “สุริวิภา” เป็นที่แรก!!!
ติดตามได้ วันพุธที่ 21 มีนาคมนี้ เวลาดีสี่ทุ่มทางโมเดิร์นไนท์ทีวี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วิรดา อนุเทียนชัย (วิ) 0 — 1804 - 5493
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net