กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--ปภ.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานีฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากการก่อวินาศกรรมที่มีผลกระทบรุนแรง ระดับกลุ่มจังหวัด ประจำปี พ.ศ.2553 เพื่อจัดระบบการป้องกันอันตรายจากการก่อวินาศกรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเผชิญเหตุภัยพิบัติและปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
นายปริญญา จาติเสถียร ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมือง ส่งผลให้ภัยจากการก่อวินาศกรรมมีแนวโน้มเกิดบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและรับมือภัยจากการก่อวินาศกรรม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง และสุราษฎร์ธานีดำเนินการฝึกซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากการก่อวินาศกรรมที่มีผลกระทบรุนแรง ระดับกลุ่มจังหวัด ประจำปีพ.ศ.2553 โดยแบ่งการฝึกซ้อมแผนฯ เป็น 2 รูปแบบ ดังนี้ การฝึกซ้อมแผนรูปแบบในที่บังคับการ(Command Post Exercise : CPX) ในวันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2553 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเขาชุมทอง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อประชุมซักซ้อมทำความเข้าใจขั้นตอนการปฏิบัติงานตามแผนป้องกันภัยจากการก่อวินาศกรรม การฝึกซ้อมแผนรูปแบบปฏิบัติการจริง (Field Training Exercise : FTX) ในวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2553 ณ สถานีรถไฟชุมทางเขาชุมทอง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินจากการก่อวินาศกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่กำ
หนดไว้ในแผน ตั้งแต่การเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์
การแจ้งเตือน การประสานการปฏิบัติ การจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เพื่ออำนวยการและสั่งการ การเผชิญเหตุ การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งการฝึกซ้อมแผนฯดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดระบบการป้องกันอันตรายจากการก่อวินาศกรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเผชิญเหตุภัยพิบัติและปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ภายหลังการฝึกซ้อมแผนจะมีการประเมินผล เพื่อตรวจสอบข้อบกพร่อง และนำไปแก้ไขปรับปรุงในการดำเนินงานป้องกันภัยจากการก่อวินาศกรรม ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระบบมาตรฐานความปลอดภัยของภาครัฐให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป