กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์
โทรีเซนไทยฯ ประกาศกำไรไตรมาสแรก 1128.98 ล้านบาท เผยอัตราค่าระวางปรับตัวดีขึ้น หนุน 3 ธุรกิจหลัก เติบโตต่อเนื่อง ด้านขนส่งสินค้าแห้งเทกองโต 43.89% ส่วนเมอร์เมดฯ ไตรมาสแรกรายได้รวม 1,047 ล้านบาท กำไรสุทธิ 65.23 ล้านบาท มั่นใจกลุ่มเมอร์เมดฯ สร้างรายได้ดียิ่งขึ้นในรอบ 9 เดือนถัดไป ส่วนธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเดินเรือ กำไรสุทธิ 56.79 ล้านบาท
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 มีผลกำไรสุทธิ 3 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2549 (ไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2550) เท่ากับ 1,128.98 ล้านบาท โดยรวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 271.67 ล้านบาทแล้ว เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ของปีบัญชี 2549 มีกำไรสุทธิ 927.56 ล้านบาท โดยรวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 36.19 ล้านบาทไว้แล้ว
การที่ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องมาจากอัตราค่าระวางที่ปรับตัวดีขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับเรือเดินทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น โดยอัตราค่าระวางเรือโดยเฉลี่ย รวมอัตราค่าระวางเรือที่บริษัทฯ เช่ามาเสริมกองเรือเพิ่มเติม เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.87 จาก 11,535 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำในไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2549 เป็น 12,789 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ แม้ว่าจำนวนวันเดินเรือปี 50 จะลดลงร้อยละ 5.31 จาก 4,372 วัน ปีบัญชี 2549 เท่ากับ เทียบกับ 4,140 วันในไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2550
นอกจากนี้ ส่วนธุรกิจเดินเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองได้มีสัญญารับขนส่งสินค้าล่วงหน้าแบบเช่าเหมาลำเป็นระยะเวลาสำหรับรอบปีบัญชี 2550 ไว้แล้วร้อยละ 30 ของระวางบรรทุกสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯ และร้อยละ 17 ของระวางบรรทุกสินค้าทั้งหมดของบริษัทฯ ในรอบปีบัญชี 2551 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการทำสัญญาไว้ล่วงหน้าแล้วในปีหน้า
บริษัทฯ คงดำเนินธุรกิจ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง มีผลกำไรสุทธิ 608.59 ล้านบาท ไม่รวมผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 43.89 กำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องมาจากอัตราค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้อัตราค่าระวางเรือโดยเฉลี่ย รวมอัตราค่าระวางเรือที่บริษัทฯ เช่ามาเสริมกองเรือเพิ่มเติมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.57 จาก 11,566 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 เป็น 12,789 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อวันต่อลำ ในไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2550
ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดของกองเรือตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2549 ยังคงแข็งแกร่งจากปริมาณการขนส่งสินค้าจำนวน 2.94 ล้านตัน บริษัทฯ เชื่อว่า อุปสงค์ของตลาดหลักของบริษัทฯ ได้แก่ จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และตะวันออกกลาง ยังคงมีปริมาณสินค้าอย่างต่อเนื่องตลอดรอบปีบัญชีนี้
สำหรับจำนวนวันเดินเรือในไตรมาสที่ 1 ของปีบัญชี 2550 เท่ากับ 4,140 วัน เทียบกับ 4,180 วัน ในไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2549 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับเรือเดินทะเลลดลงร้อยละ 11.70 เนื่องจากไม่มีรายการพิเศษ เช่น การเร่งตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายเข้าอู่แห้งของเรือในระหว่างไตรมาส
ธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (“กลุ่มบริษัท เมอร์เมด”) มีกำไรสุทธิ เท่ากับ 5.23 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งกลุ่มเมอร์เมดฯ จำนวน 1,047.48 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯเชื่อว่าผลประกอบการกลุ่มบริษัท เมอร์เมด จะดีมากขึ้นในระยะเวลาอีก 9 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะงานเรือขุดเจาะ (drilling segment) สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่กลุ่ม ประมาณร้อยละ 33.24 และ 35.04 ส่วนธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ มีอัตราการใช้ประโยชน์จากเรือสูงถึงร้อยละ 75 ในระหว่างไตรมาสและสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่กลุ่มบริษัท เมอร์เมด ประมาณร้อยละ 59.76 และ 66.67
ส่วนธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือนั้นมีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้กับบริษัทฯ (หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เท่ากับ 56.79 ล้านบาท โดยไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยที่ บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง เอฟแซดอี มีส่วนแบ่งกำไรให้กับบริษัทฯ สูงสุด
หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ในไตรมาสที่ 1 ของรอบปีบัญชี 2550 นี้ บริษัทฯ สามารถสร้างผลกำไรสุทธิสูงขึ้นจากเดิมติดต่อกันสามไตรมาสแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์จากกลยุทธ์การกระจายส่วนงานธุรกิจของบริษัทฯ (diversification strategy) และความแข็งแกร่งของทั้งธุรกิจกองเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจการบริการนอกชายฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คุณบังอร แก้วบวร
โทร 02 6633226 ต่อ 68 , 081 904 7907