กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
“สาทิส”ประเมินครึ่งหลังปี 2550 ผลประกอบการ SALEE ขยายตัวดีต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นภาพชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 3/50 เป็นต้นไป หลังจากในไตรมาสที่ 2 โชว์กำไรสุทธิสุดสวย 13.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุยังมีออร์เดอร์ใหม่เพิ่มสูงขึ้น และสามารถบริหารอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อยอดขายให้ลดลง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดันมาร์จิ้นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง 28-30% มั่นใจทั้งปีรายได้แตะ 1,000 ลบ.คิดเป็นอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 30%
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยถึงทิศทางของผลประกอบการในครึ่งปีหลังว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ ยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นค่อนข้างสูงขณะเดียวกันบริษัทสามารถบริหารอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อยอดขายให้ปรับลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/50 และภาพรวมทั้งปียังมั่นใจว่ารายได้จะแตะที่ระดับประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549
"จากยอดขายที่เติบโตขึ้นค่อนข้างสูงและอัตราค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อยอดขายที่ลดลง ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/50 ยังไปได้สวย และจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาและการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และในปี 2550 เราวางเป้าหมายรายได้ของปี 2550 จะเติบโตจากปี 2549 ไม่น้อยกว่า 30% โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่จำนวน 1,000 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 28-30% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา"
เขากล่าวต่อถึงแผนขยายธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังว่า เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจด้านฉีดพลาสติก และการผลิตสติกเกอร์ ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ต้องขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ส่วนเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องและราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ไม่มีผลกระทบกับบริษัทมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ SALEE จะขายสินค้าเป็นเงินบาท และมีแหล่งการจัดหาวัตถุดิบที่หลากหลาย ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2550 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 13.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.38 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 92% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 2/2549 ที่มีกำไรสุทธิ 6.90 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 22.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.21 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.72 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/50 และงวด 6 เดือนปีนี้ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากยอดขายของบริษัทที่เติบโตขึ้นค่อนข้างมาก เพราะบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และอุตสาหกรรมผลิตสติกเกอร์ สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีโดยมีรายได้รวม 193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/49 ที่มีรายได้ 115 ล้านบาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337