กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--เอ. พี. ฮอนด้า
ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยผ่านครึ่งปีแรก 2553 สุดคึกคัก โกยยอดขายกระฉูดแตะ 1 ล้านคัน “ฮอนด้า” ฟีเว่อร์สุดขั้วทิ้งคู่แข่งขาดลอยแบบไม่เห็นฝุ่นครองตลาดเบ็ดเสร็จทุกเซกเมนต์ 69% รถ เอ.ที. และหัวฉีดทำสถิติถล่มทลายมียอดสะสมเฉียด 6 แสนคัน คาดครึ่งปีหลังทะลุ 1.22 ล้านคัน
สรุปภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยผ่านครึ่งปีแรก 2553 สุดคึกคักเติบโตสูงสุดถึง 25% ตอบรับสัญญาณเศรษฐกิจขาขึ้น ด้วยยอดจดทะเบียนสะสมที่ 933,219 คัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เฉพาะเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จบตัวเลขอย่างสวยงามที่ 182,607 คัน เติบโตขึ้น 22% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สร้างสถิติยอดขายสะสมอย่างเหนือชั้น ทิ้งคู่แข่งขาดแบบไม่เห็นฝุ่น ครองส่วนแบ่งตลาดเบ็ดเสร็จในทุกเซกเมนต์สูงสุดถึง 69% ด้วยตัวเลขสะสมเกินครึ่งล้านคัน มีอัตราเติบโตสูงสุดที่ 30% สะท้อนถึงความคุ้มค่าและคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้แก่ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริงและเกินความคาดหมาย ขณะที่รถแบบหัวฉีดฮอตฮิตสุดขั้ว ด้วยอัตราเติบโตที่พุ่งขึ้นถึง 66% จากยอดขายมิถุนายนเดือนเดียวที่ 120,000 คัน ซึ่งปัจจุบันมียอดขายสะสมที่ 1.72 ล้านคัน ส่วนคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ตลาดรวมในครึ่งปีหลังจากนี้ยังคงร้อนแรง จากการแข่งขันทางการตลาดจะดุเดือด ด้วยปริมาณยอดจำหน่าย 1.78 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 16% อันมาเนื่องจากทุกค่ายผู้ผลิตโหมอัดกลยุทธ์ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ และเร่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ โดยฮอนด้ามั่นใจสามารถเก็บเกี่ยวยอดขายที่ 1.22 ล้านคันหรือเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้วได้อย่างแน่นอน ส่งผลให้ฮอนด้าครองสัดแบ่งทางตลาดได้อย่างถล่มทลายสูงสุดถึง 69% พร้อมเดินหน้าครองความเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยเป็นปีที่ 22 ติดต่อกัน
มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ว่า “ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2553) ฮอนด้าสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็นอันดับ 1 ในทุกเซกเมนต์ที่ฮอนด้ามีการวางจำหน่าย เป็นผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุดตัวจริง โดยฮอนด้าได้สร้างเทรนด์การขับขี่ใหม่ ทำให้รถแบบหัวฉีดกลายเป็นกระแสฮิตในหมู่วัยรุ่นได้อย่างชัดเจน บรรลุผลสำเร็จเกินความคาดหมาย และปีนี้ทำให้เราเห็นถึงกระแสการเติบโตกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นมาเป็นลำดับ และครองสัดส่วนความนิยมสูงกว่ารถประเภทครอบครัว ทั้งนี้เนื่องจากทุกค่ายผู้ผลิตต่างอาศัยจังหวะช่วงชิงและแข่งขันกันแนะนำรถประเภทเอ.ที.เข้าสู่ตลาดเป็นอย่างมาก คาดการณ์ว่าจะทำให้เกิดกระแสแข่งขันทางการตลาดที่รุ่นแรงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ด้วยการใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ หรือการแนะนำแคมเปญส่งเสริมการขายให้เกิดความคึกคักในตัวสินค้าที่ทุกผู้ผลิตนำมาแข่งขันกัน น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้มากขึ้น ฮอนด้าเองยังมั่นใจเหมือนเดิมว่า รถของเราสามารถตอบสนองทุกรูปแบบไลฟ์สไตล์การขับขี่ได้อย่างแท้จริง จากยอดจำหน่ายในตลาดรวมครึ่งปีแรกที่พุ่งขึ้นสูงถึง 933,219 คัน โดยฮอนด้ามียอดจำหน่ายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 641,481 คัน หรือคิดเป็น 69% ของตลาดรวม”
หากศึกษาในรายละเอียดพบว่า ตลาดรถ เอ.ที.เติบโตขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตลาดรวมของฮอนด้าครึ่งปีแรกนั้น ฮอนด้าเติบโตมากกว่าปีที่แล้วและเป็นที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบทั้งกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาและกับคู่แข่ง แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองจะไม่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการมากนัก แต่ฮอนด้ากลับได้รับการตอบรับสูงสุด อันเนื่องจากมีรถที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้ครบทุกประเภท รวมถึงเทคโนโลยีและการพัฒนาที่ฮอนด้าได้ค้นคว้าและศึกษาจากทั้งความต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง เพื่อนำมาใส่ในรถฮอนด้า อีกทั้งการบริการแบบครบวงจรที่ฮอนด้าผลักดันให้ดีลเลอร์มีความพร้อมและมีศักยภาพได้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ฮอนด้าได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างสูงสุด จนส่งผลให้มีมาร์เกตแชร์เพิ่มขึ้น
“เมื่อก่อนเราเป็นผู้นำยอดขายตลาดรวม ยอมรับว่า เอ.ที.เรามาทีหลัง ดังนั้นช่วงแรกยอดขายรถประเภท เอ.ที.ฮอนด้าไม่กระเตื้องนัก แต่ปัจจุบันฮอนด้ามีรถครบทุกเซกเมนต์ เรามั่นใจเกิน 100% และกล้าประกาศอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่แค่ฮอนด้าจะเป็นผู้นำด้านยอดขายในตลาดรวมเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำยอดขายรถทุกประเภทที่มีในเมืองไทยด้วย ตอนนี้ฮอนด้าเป็นผู้นำตัวจริง เรายังคงผลิตสินค้าให้ออกมามีคุณภาพเหนือความคาดหมายของผู้บริโภค ความท้าทายของฮอนด้าคือ การเปลี่ยนตลาดสู่ยุคหัวฉีดให้ได้ 100% ซึ่งเราทำตลาดนี้มาปีกว่าๆ ได้ผลักดันให้ตลาดหัวฉีดเติบโตขึ้น โดยยังคงดำเนินกิจกรรมทางการตลาดต่อไป ทั้งนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ให้สอดคล้องความต้องการกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ฮอนด้าจะไม่หยุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์แห่งความฝันมาสู่สายตาทุกท่านในอนาคตอันใกล้นี้ และจากการเปลี่ยนสายการผลิตรถทุกรุ่นของฮอนด้าให้เป็นระบบหัวฉีด PGM-FI จะส่งผลให้ยอดขายของฮอนด้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยคาดการณ์ว่า สิ้นปีนี้ฮอนด้าจะมียอดจำหน่ายราว 1.22 ล้านคัน”
มร.จิอากิ คาโต กล่าวเพิ่มเติมว่า ฮอนด้าได้ประกาศว่าจะมีรถสปอร์ตออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปี จะเป็นการผลิตและส่งออกเพื่อจำหน่ายไปทั่วโลกเหมือนฮอนด้ารุ่น PCX ที่ผลิตและเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนรถ big bike นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงพิจารณาถึงความเหมาะสมว่า ถึงเวลาที่สมควรแล้วหรือยัง
“ทุกกลยุทธ์ทางการตลาดของเรามุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้และการสื่อสารการตลาดหรือแผนประชาสัมพันธ์ต่างๆ ฮอนด้ามุ่งเน้นและรุกทำกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุกของวัยรุ่น เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของวัยรุ่นยุคใหม่ เช่น กิจกรรม “สกู๊ปปี้ ดี-เดย์” ร่วมกับร้านผู้จำหน่าย และจากความที่ฮอนด้ามีเครือข่ายที่เข้มเข็ง แข็งแรง และครอบคลุม ถือเป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้เราเป็นที่ 1 ได้มากกว่า 20 ปี ยิ่งไปกว่านั้นเราพยายามผลักดันให้ผู้จำหน่ายของเราเป็นหนึ่งในผู้นำชุมชน ให้ผู้บริโภคเข้าถึงผู้จำหน่ายของเราอยู่เสมอ โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่สร้างให้ผู้จำหน่ายมีการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริโภคด้วย ส่วนวิธีการทำตลาดเรายังคงเน้นเรื่อง Target Marketing และ Relation Marketing เป็นหลัก โดยมี Music หรือ Sport หรือ Lifestyle Marketing เป็นเครื่องมือเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย“
“อย่างแคมเปญ “เกาะติดทีมชาติอังกฤษ ลุ้นโชคทุกรอบกับสกู๊ปปี้ ไอ” ฮอนด้าสำเร็จดีมาก คูปองที่ทางลูกค้าส่งมาร่วมสนุกในแคมเปญนี้เยอะมาก อาจเป็นเพราะของรางวัลที่เรานำเสนอ รวมทั้งการผลักดันของผู้จำหน่ายทำให้เราได้รับชิ้นส่วนมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่เราถือว่าประสบผลสำเร็จที่สุดคือ จำนวนคนที่เราสามารถดึงเข้าไปในร้านผู้จำหน่ายได้ด้วย เป็นการสร้างโอกาสขายให้ดีลเลอร์ หรือล่าสุดกับกลยุทธ์ Music Marketing ในกิจกรรมเทศกาลดนตรีริมทะเลชายหาดชะอำ Honda Scoopy i Reggae on the Rock ครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคมต่อเนื่องถึงวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคมนี้ ที่ส่งมอบความสุขให้ทั้งผู้ใช้รถฮอนด้าและประชาชนผู้สนใจทั่วไป ก็ได้รับการตอบรับสูงสุดเช่นกัน จากปริมาณการส่ง SMS ขอเข้าสนุกในกิจกรรมนี้ที่มีมากกว่าแสนราย นี่คือสิ่งที่ชี้ชัดถึงความสำเร็จทั้งในด้านกลยุทธ์และยอดขายของฮอนด้า ที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนไทยได้ทั้งประเทศ”
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนมิถุนายน 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 182,607 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 99,393 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 54% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่ 79,109 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 43% และหากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 122,623 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 49,563 คัน อัตราครองตลาด 25%, ซูซูกิ 6,367 คัน อัตราครองตลาด 3%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 2,102 คัน, ไทเกอร์ 198 คัน, แพล็ตตินั่ม 69 คัน, เจอาร์ดี 34 คัน และอื่นๆ 1,651 คัน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
คุณปิยังกรณ์ ฉินพรรุจี / แผนกสื่อสารการตลาด บริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด
โทรศัพท์ 02 757-6111 ต่อ 2517, E-mail: piyangkorn@aphonda.co.th
คุณธัญลักษณ์ ไชยปะ / แผนกสื่อสารการตลาด บริษัท เอ. พี. ฮอนด้า จำกัด
โทรศัพท์ 02 757-6111 ต่อ 2508, E-mail: thanyalak@aphonda.co.th