บ.ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ เผยแผนงานหลักปี 2550

ข่าวทั่วไป Wednesday January 31, 2007 15:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--ตลท.
บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยแผนงานหลักปี 2550 มุ่งพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบงานเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางงานรับฝาก ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ งานนายทะเบียนหลักทรัพย์และกองทุน รวมทั้ง บริการบริษัทหลักทรัพย์ครบวงจรทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ และตราสารอนุพันธ์ พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานปี 2549 บรรลุผลสำเร็จสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้เกี่ยวข้อง
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงาน ปี 2550 ว่า ในปีนี้บริษัทจะพัฒนาระบบงานให้สามารถรองรับบริการหลักของศูนย์รับฝาก (Post Trade Integration) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และบริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้า พร้อมทั้งเปิดให้บริการชำระราคาและบริการบริษัทหลักทรัพย์สำหรับสินค้าใหม่ในตลาดทุน ได้แก่ Exchange Traded Fund (ETF) และ SET50 Index Options โดยระบบงานจะสามารถให้บริการแก่สมาชิกได้ เมื่อมีการออกตราสารใหม่ดังกล่าวในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปีนี้ตามลำดับ
“ศูนย์รับฝากฯ จะมุ่งเน้นพัฒนาบริการใหม่ๆ ได้แก่ การบริหารหลักประกันข้ามตลาด ระบบงานรองรับธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) และ ระบบการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending) สำหรับตราสารทุน และบริการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อให้ทางเลือกแก่ลูกจ้าง (Employee’s Choices) ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกของศูนย์รับฝาก รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพของตลาดทุนไทยให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น” กรรมการผู้จัดการ บ.ศูนย์รับฝากฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัท ศูนย์รับฝากฯ กำหนดเป้าหมายให้มีหลักทรัพย์ที่ฝากไว้ในระบบรับฝากร้อยละ 85 และเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้นเข้าร่วมโครงการ e-Dividend อีก 150,000 ราย และรักษาระดับดัชนีความพึงพอใจของลูกค้าไว้ที่ร้อยละ 78.5
สำหรับการดำเนินงานของบริษัท ศูนย์รับฝากฯในปี 2549 ปรากฏว่าประสบผลสำเร็จและสร้างความพึงพอใจแก่ผู้ใช้บริการหลักทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1. งานด้านรับฝากหลักทรัพย์ 2. งานสำนักหักบัญชี และ 3.งานนายทะเบียนหลักทรัพย์ โดยมีธุรกรรมที่ใช้บริการของศูนย์รับฝากฯ ผ่าน 3 ระบบงานหลักดังกล่าวรวมมูลค่ากว่า 660 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6
สำหรับงานด้านรับฝากหลักทรัพย์ ได้มีการรวมบริการรับฝากตราสารทุนและตราสารหนี้ไว้ด้วยกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2549 ปรากฏว่า ณ 31 ธันวาคม 2549 มีมูลค่ารวมสูงถึง 5.51 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 67 ทั้งนี้ แบ่งเป็นตราสารทุนมูลค่า 363,687 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 74 ของทั้งตลาด มูลค่ารวมกว่า 3.36 ล้านล้านบาท ส่วนตราสารหนี้ภาครัฐในระบบงานรับฝากหลักทรัพย์มีจำนวน 460 หลักทรัพย์ มูลค่ารวม 2.15 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 65 ของมูลค่าตราสารหนี้ภาครัฐที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นนายทะเบียน นอกจากนี้ ยังมีการเปิดให้ผู้ถือหุ้นฝากหลักทรัพย์โดยตรงกับศูนย์รับฝากฯ ผ่านบัญชีผู้ออกหลักทรัพย์จำนวน 527 บริษัท รวมมูลค่าหลักทรัพย์ถึง 86,468 ล้านบาท ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของงานสำนักหักบัญชี ในปี 2549 มีการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมูลค่า 695,059 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.57 ของมูลค่าการซื้อขายรวมในปี 2549 (มูลค่า 3.96 ล้านล้านบาท) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มีมูลค่า 4,306 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.70 ของมูลค่าซื้อขายรวมในปี 2549 (มูลค่า 27,414 ล้านบาท) ส่วนการชำระราคา SET50 Index Futures ที่เปิดซื้อขายตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 มีจำนวน 198,737 สัญญา มูลค่ารวม 97,898.96 ล้านบาท
ด้านงานนายทะเบียนหลักทรัพย์ บริษัท ศูนย์รับฝากฯ ให้บริการนายทะเบียนรวม 590 บริษัท โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รวม 518 บริษัท รวมมูลค่าทั้งหมดถึง 5.1 ล้านล้านบาท นายทะเบียนตลาดตราสารหนี้จำนวน 58 หลักทรัพย์ รวมมูลค่า 133,912 ล้านบาท และยังทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนให้ BahtBond มูลค่ารวมกว่า 16,100 ล้านบาท
นอกจากนั้น บริษัท ศูนย์รับฝากฯ ได้ให้บริการจ่ายเงินปันผลและดอกเบี้ยกว่า 1,100,000 รายการ รวมมูลค่าสูงถึง 256,819 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการโอนเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร (e-Dividend) 730,000 รายการ หรือเป็นร้อยละ 65 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 57 นอกจากนี้ ยังได้เปิดให้บริการ Issuer Portal เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนเรียกดูฐานข้อมูลผู้ถือหุ้นและค้นหาข้อมูลธุรกรรมนายทะเบียนได้สะดวกยิ่งขึ้น
นางสาวโสภาวดีกล่าวถึงการดำเนินงานด้านนายทะเบียนกองทุนว่า ในปี 2549 ศูนย์รับฝากฯ ได้ให้บริการแก่กองทุนจำนวน 152 กองทุน เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันซึ่งของปีก่อน 63 กองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มี 99 กองทุน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 46 กองทุน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 113,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 31,208 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 รวมทั้ง ให้บริการระบบงาน Back Office แก่บริษัทหลักทรัพย์อย่างครบวงจร โดยครอบคลุมครบทุกตลาด ได้แก่ ตลาดตราสารทุน ตราสารหนี้ และตลาดตราสารอนุพันธ์
นอกจากนี้ ศูนย์รับฝากฯ ยังได้ให้บริการใหม่ในปี 2549 ได้แก่ ระบบบริหารหลักประกัน สำหรับธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชน (Private Repo) ระบบงานยืมและให้ยืมพันธบัตร (Bond Lending) ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดตราสารหนี้และลดต้นทุนการปฏิบัติงาน รวมทั้งบริการระบบจองซื้อหุ้นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-IPO) ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกของศูนย์รับฝากฯ ระบบงานใหม่ดังกล่าวได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการปฎิบัติงานและยังลดต้นทุนของสมาชิกได้อย่างมาก
บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้บริการต่อเนื่องจากการซื้อขายหลักทรัพย์ ได้แก่ รับฝากหลักทรัพย์ ชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ งานนายทะเบียนหลักทรัพย์และกองทุน และงานบริการบริษัทหลักทรัพย์ ในปี 2549 บริษัท ศูนย์รับฝากฯ ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่ ด้วยสโลแกน “Your Partner in Success” พร้อมเปิดตัวโลโก้ใหม่ และตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งพัฒนางานบริการเพื่อตอบสนองความต้องการและสนับสนุนความสำเร็จของลูกค้า รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการสร้างสัมพันธ์ในเชิงรุกกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันศูนย์รับฝากฯ มีสมาชิกด้านงานรับฝากหลักทรัพย์ 638 ราย สมาชิกด้านงานสำนักหักบัญชี 84 ราย และ สมาชิกด้านงานนายทะเบียนหลักทรัพย์ 591 ราย
สนใจทราบรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถดูข้อมูลได้จาก www.tsd.co.th หรือสอบถามได้ที่ TSD Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 02229 2888 หรืออีเมล์ contact.tsd@set.or.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
มาลิน เพียรชอบ หรือ ศิมา ชมสุรินทร์
ส่วนธุรกิจสัมพันธ์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและแผนงาน
โทร. 0-2229-2892 ถึง 5
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ