ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” อันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์”

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 2010 14:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ยังไม่ชัดเจน” ให้แก่อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) สืบเนื่องจากประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2553 ซึ่งระบุว่าบริษัทมีความประสงค์ที่จะซื้อกิจการของ MW Brands Holdings SAS (MW Brands) ที่มูลค่า 680 ล้านยูโร ทริสเรทติ้งรายงานว่า MW Brands เป็นผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องซึ่งประกอบธุรกิจอาหารทะเลแบบครบวงจรโดยมีทั้งกองเรือจับปลา โรงงานผลิต และช่องทางจัดจำหน่ายในตลาดยุโรป บริษัทเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าชั้นนำ ได้แก่ Petit Navire, John West, Mareblu และ Hyacinthe Parmentier ยอดขายจากผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ากระป๋องคิดเป็น 73% ของยอดขายรวม บริษัทมีโรงงานหลักอยู่ที่ประเทศซีเชลล์และกาน่า โดยมีตลาดหลักในประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี ไอร์แลนด์ และเนเธอร์แลนด์ ผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ Triatlantic Capital Partners ซึ่งเป็นกองทุนเอกชน ณ สิ้นปีบัญชีเดือนมีนาคม 2553 บริษัทมียอดขายรวม 448.2 ล้านยูโร ในขณะที่สินทรัพย์รวมมีมูลค่า 559.4 ล้านยูโร บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จะใช้แหล่งเงินทุนในการซื้อกิจการจากเงินกู้ยืมเป็นหลัก โดยบริษัทจะทำสัญญาเงินกู้จำนวน 358 ล้านยูโรกับธนาคารในประเทศไทย และ MW Brands จะทำสัญญาเงินกู้อีกจำนวน 340 ล้านยูโรกับธนาคารในต่างประเทศ ในส่วนของแหล่งเงินทุนจากหุ้นสามัญนั้น บริษัทจะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 60 ล้านยูโรและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนอีกจำนวน 65 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลอื่นในวงจำกัด เงินที่ได้จากหุ้นกู้แปลงสภาพและหุ้นสามัญจะนำไปใช้ลดหนี้เงินกู้เพื่อให้เงินทุนที่จัดหาได้รวมอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านยูโร การประกาศเครดิตพินิจสะท้อนการประเมินในเบื้องต้นของทริสเรทติ้งว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ น่าจะแข็งแกร่งขึ้นจากการซื้อกิจการในครั้งนี้ โดยบริษัทจะกลายเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกที่มีตลาดหลากหลายขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมในการจัดหาวัตถุดิบ การวางแผนการผลิต และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในธุรกิจอาหารทะเล อย่างไรก็ตาม ข้อดีดังกล่าวถูกลดทอนจากสถานะการเงินของบริษัทที่จะอ่อนแอลงเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมในระดับสูง บริษัทคาดว่าจะมีอัตราส่วนภาระหนี้ต่อ EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้นเป็น 4.2 เท่าจากระดับปัจจุบันที่ 1.9 เท่า นอกจากนี้ การซื้อกิจการยังมีความเสี่ยงในด้านการบริหารจัดการและการควบรวมธุรกิจด้วย ทริสเรทติ้งจะระงับเครดิตพินิจ พร้อมทั้งประกาศทบทวนผลอันดับเครดิตของบริษัทเมื่อเงื่อนไขในการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์และ ทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดถึงผลกระทบจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจไม่เปลี่ยนแปลงหากบริษัทแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษากระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและลดภาระหนี้ได้ในระยะปานกลาง ทว่าอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการเงินหลังการซื้อกิจการอ่อนแอกว่าที่ได้คาดไว้ และต้องใช้ระยะเวลานานเพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินให้กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF) อันดับเครดิตองค์กร: A+ อันดับเครดิตตราสารหนี้:TUF10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 A+ TUF116A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 A+ TUF13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A+ แนวโน้มเครดิตพินิจ: Developing (ยังไม่ชัดเจน)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ