กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์-กรุงเทพฯ/สิงคโปร์- 02 มีนาคม 2550: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวของหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) ที่ระดับ ‘A-(tha)’ (A ลบ (tha)) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ ขณะเดียวกัน ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ของ MBK ที่ระดับ ‘A-(tha)’ เช่นเดียวกัน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะและชื่อเสียงทางการตลาดของบริษัทที่มั่นคงในธุรกิจศูนย์การค้า และธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจากการดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ รวมถึงกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนในโครงการใหม่ จุดแข็งของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้แก่ ทำเลที่ตั้งและชื่อเสียงที่ดีของศูนย์การค้า จำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าที่แข็งแกร่ง ฐานผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้าที่หลากหลาย รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างจากศูนย์การค้าอื่นที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียง ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ (คิดเป็นสัดส่วนประมาณสองในสามของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) ของกลุ่ม) และช่วยลดทอนผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในธุรกิจศูนย์การค้า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา EBITDAR ของบริษัทค่อนข้างมั่นคงอยู่ในระดับประมาณ 1.3 พันล้านบาท ถึง 1.5 พันล้านบาท ในส่วนสัญญาเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปีของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่จะครบกำหนดอายุสัญญาในปี 2556 นั้น MBK ได้รับสิทธิในการพิจารณาต่อสัญญาเช่าที่ดินเป็นรายแรกภายในสิ้นปี 2551 ซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน (Operating Risk) ลงได้บางส่วน
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่ค่อนข้างแข็งแกร่งของ MBK โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า ย้อนหลัง 12 เดือน (Net Debt/LTM EBITDAR) อยู่ที่ 2.1 เท่า ณ สิ้นงวดหกเดือนแรกของปีงบการเงิน 2550 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2549) เทียบกับ 2.1 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2549 (สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2549) และ 3.0 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2548 บริษัทมีหนี้สินรวมลดลงอย่างมากโดยลดมาอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท ณ สิ้นงวดหกเดือนแรกของปีงบการเงิน 2550 จาก 4.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปีงบการเงิน 2548 เนื่องจากบริษัทนำเงินค่าเช่าชำระล่วงหน้าที่ได้รับจากการเปลี่ยนสัญญาเช่าระยะสั้นบางส่วนของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เป็นสัญญาเช่าระยะยาว มาจ่ายชำระคืนหนี้สินบางส่วน
ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วน Net Debt/EBITDAR ของ MBK น่าจะอยู่ที่ระดับ 3.0 เท่า ในระยะยาว แต่อัตราส่วนหนี้สินนี้อาจปรับเพิ่มสูงขึ้นเกินระดับดังกล่าวได้เป็นการชั่วคราวในอีกสองปีข้างหน้า เนื่องจากการต่อสัญญาเช่าที่ดินของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่อาจมีผลทำให้บริษัทต้องกู้เงินจำนวนมากเพื่อนำมาชำระค่าเช่าล่วงหน้าบางส่วนสำหรับการต่อสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าว ฟิทช์คาดว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจากการดำเนินธุรกิจหลักของ MBK น่าจะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารจัดการความคล่องตัวทางการเงินและสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทในช่วงระยะเวลาที่บริษัทมีหนี้สินอยู่ในระดับที่สูงนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทต้องชำระเงินค่าเช่าล่วงหน้าเพื่อต่อสัญญาเช่าที่ดินของศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เป็นจำนวนมากและมีแผนการลงทุนที่มีขนาดใหญ่มาก จนทำให้แนวโน้มอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับที่ฟิทช์ได้คาดการณ์ไว้ อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของ MBK ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจลดทอนความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของ MBK ได้แก่ การที่ธุรกิจหลักของบริษัทมีความผันผวนต่อวัฏจักรเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงการที่บริษัทมีเงินลงทุนในการลงทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักอยู่ในระดับที่สูง โดยบริษัทถือครองหุ้นในบริษัท ทุนธนชาติ จำกัด (มหาชน) (TCAP) ในระดับที่สูง