กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--วโรปกรณ์
VAROจับมือเข้าทำสัญญารับความช่วยเหลือทางเทคนิคกับ Mitsubishi Aluminum เพื่อรับถ่ายทอดความรู้ด้านเทคนิคในการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ คือชิ้นส่วนอะลูมิเนียมสำหรับรถยนต์ เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูงตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ มั่นใจเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปลายปีนี้ “สันชัย” เผยจะเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ปั๊มรายได้เข้ามาเพิ่ม เพราะธุรกิจเดิมผลิตอะลูมิเนียมสำหรับอุตสาหกรรม และบรรจุภัณฑ์ ตลาดเริ่มอิ่มตัว
นายสันชัย ชัยเฉนียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วโรปกรณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ VARO กล่าวว่าบริษัทได้เข้าทำสัญญารับความช่วยเหลือทางเทคนิค กับ Mitsubishi Aluminum Co., Ltd. เพื่อรับการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคนิคในการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการเข้าทำสัญญาในครั้งนี้ Mitsubishi Aluminum จะทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสินค้าอะลูมิเนียม ที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ให้กับบริษัทเป็นครั้งแรก ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยเสริมฐานรายได้ในอนาคตให้ขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น และวโรปกรณ์จะถือเป็นผู้ผลิตสินค้าประเภทนี้อันดับต้นๆ ของประเทศ จากปัจจุบันมีผู้ผลิตชิ้นส่วนประเภทนี้เพียง1-2 รายเท่านั้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการทดสอบในขั้นตอนสุดท้าย โดยสินค้าที่ผลิตคืออะลูมิเนียมที่ใช้ในระบบระบายความร้อนในรถยนต์ อาทิ ในหม้อน้ำรถยนต์ แอร์รถยนต์ ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูง ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่หากบริษัทประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสามารถนำไปทดแทนการนำเข้าได้ทันทีเพราะเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้อยู่แล้ว ทำให้บริษัทไม่ต้องเข้ามาบุกเบิกใหม่
"การเข้าสู่ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะลูมิเนียมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ เป็นเพราะบริษัทเห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตค่อนข้างสูง ด้วยรัฐบาลคอยสนับสนุนและมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกในภูมิภาคเอเชีย หรือ ดีทรอยต์ ออฟ เอเชีย จึงทำให้ธุรกิจนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจในอนาคต ส่วนธุรกิจเดิมของวโรปกรณ์ คือการผลิตชิ้นส่วนอะลูมิเนียมที่มุ่งเน้นในกลุ่ม บรรจุภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจเครื่องปรับอากาศ ขณะนี้ตลาดเริ่มอิ่มตัวไม่ขยายตัวแบบก้าวกระโดดเหมือนในอดีต อีกทั้งการแข่งขันรุนแรงขึ้น ดังนั้นการแตกไลน์เพิ่มสินค้าใหม่ที่มีอนาคตเข้ามา จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและน่าจะเสริมฐานรายได้ของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว"
เขากล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มผลิตสินค้าใหม่ในบางรายการแล้ว อาทิ อะลูมิเนียม คอยล์ โดยอยู่ระหว่างการทดสอบสินค้าขั้นสุดท้าย ก่อนนำไปใช้จริง ซึ่งหากสินค้าดังกล่าวประสบความสำเร็จและผ่านมาตรฐานของ Mitsubishi Aluminum ไปได้ คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายปี 2550 นี้ และชิ้นส่วนประเภทอื่นๆ จะทยอยผลิต และทดสอบตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การผลิตสินค้าใหม่ในเชิงพาณิชย์ บริษัทจะต้องลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 90 ล้านบาท เพื่อติดตั้งเครื่องจักรใหม่ แต่การลงทุนจะเกิดขึ้นเมื่อสินค้าที่ผลิตผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรอง จนสามารถผลิตเพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ รวมถึงมีคำสั่งซื้อเข้ามารองรับ เพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจให้น้อยลง
"การผลิตสินค้าใหม่แม้จะใช้เทคโนโลยีค่อนข้างสูง แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงน้อยเพราะเราจะยังไม่ลงทุนทันทีในขั้นตอนการผลิตเพื่อทดสอบมาตรฐานสินค้า แต่ได้ว่าจ้างโรงงานอื่นให้ผลิตตามสเปคก่อน หากทุกอย่างผ่านตามขั้นตอนและมีออเดอร์แล้วเราจึงจะมาปรับปรุงการผลิตของเราเอง ในขณะที่ค่าโนว์ฮาวที่เราต้องจ่ายให้กับ Mitsubishi Aluminum ก็มีอัตราที่เหมาะสม และการจ่ายก็ขึ้นอยู่กับยอดขายในแต่ละปี จึงไม่เป็นภาระกับบริษัทแต่อย่างใด"
นายสันชัย กล่าวในตอนท้ายว่าหากผลิตภัณฑ์ใหม่สามารถพัฒนาและจัดจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้แล้ว คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20% จากรายได้ปกติ ส่วนผลประกอบการในปี 2549 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท จาก 1,700 ล้านบาทในปี 2548 ส่วนในปี 2550 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 5-10% จากรายได้ในปี 2549 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มยานยนต์เพิ่งจะวางตลาดได้เพียงบางชนิดเท่านั้น จึงยังไม่เห็นการเติบโตที่ชัดเจนมากนัก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2551-2552 บริษัทจะมีรายได้จากสินค้าในกลุ่มยานยนต์ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะมาจากธุรกิจยานยนต์ประมาณ 20% จากปัจจุบันที่รายได้หลักมาจากกลุ่มชิ้นส่วนอะลูมิเนียมในเครื่องปรับอากาศ 40% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ 30% และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากสินค้าอะลูมิเนียมในธุรกิจอื่นๆ
บริษัท วโรปกรณ์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอะลูมิเนียมกึ่งสำเร็จรูป โดยจะนำเข้าอลูมิเนียมแท่ง (อินกอท) มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมม้วนหรือแผ่นชนิดต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายเป็นวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูป (Semi Finished & Finished Product) ให้กับผู้ผลิตอื่น ซึ่งจะนำไปผลิตเป็นสินค้า หรือเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าประเภทอื่น ๆ ต่อไป ปัจจุบันนับว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตสินค้าอะลูมิเนียมที่ได้รับการยอมรับของลูกค้าอย่างกว้างขวาง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในสายการผลิตปลายทาง ประเภทโรงงานต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งลูกค้าภายในประเทศรวมถึงบริษัทต่างชาติที่ตั้งโรงงานอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออก (Export zone) และลูกค้าต่างประเทศโดยตรง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
คุณเจนจิรา สวยดี
โทร.087-100-3825