กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์
ควอลลีเทค มั่นใจครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมปิโตรเคมีฟื้นตัว เตรียมรับอานิสงส์งานตรวจสอบทางวิศวกรรมเพิ่ม ด้าน “สรรพัชญ์ รัตคาม” กรรมการผู้จัดการQLT ประกาศขอลุยงานทั้งในและต่างประเทศต่อ เชื่อครึ่งหลังสัญญาณธุรกิจดี จาก Backlog ที่เตรียมรับรู้กว่า100 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น เอาใจนักลงทุน
นายสรรพัชญ์ รัตคาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลลีเทค จำกัด (มหาชน) หรือ QLT ผู้บริการ งานทดสอบตรวจสอบทางวิศวกรรม เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณงานทดสอบและตรวจสอบวัสดุโลหะทางวิศวกรรม มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นตาม เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยตามข้อกำหนด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯเตรียมที่จะทยอยเข้าร่วมประมูลงานใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯได้มีการยื่นเสนอราคาให้กับผู้รับเหมาเพื่อที่จะเข้าประมูลงานโครงการท่อก๊าซเส้นที่4(ส่วนที่2)ของบมจ.ปตท.(PTT)โดยมีมูลค่างานกว่า100 ล้านบาทแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าจะทราบผลการประมูลอย่างเร็วที่สุดภายในปลายปี2553นี้ หรืออย่างช้าที่สุดภายในไตรมาส1/2554
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปร่วมประมูลในโครงการขยายโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ PTT ไปยังพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน ซึ่งเป็นโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นใหม่ไปยัง จ.นครสวรรค์ และ จ.นครราชสีมา ภายในงบลงทุนกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 เพื่อรองรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าปี 2553-2573 หรือ พีดีพี 2010 เช่นเดียวกัน
ส่วนการขยายงานบริการไปยังต่างประเทศนั้น นายสรรพัชญ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวคาดว่าจะทราบผลภายในปีนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากการเจรจาดังกล่าวมีความคืบหน้าไปกว่าครึ่งแล้ว
และล่าสุดบริษัทฯมีมูลค่างานในมือ(Backlog)ทั้งหมดเกือบ 300 ล้านบาท และคาดว่าจะทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกว่า 195 ล้านบาท จะเป็นการทยอยรับรู้ในปี2554 และ2555 ตามกำหนดระยะเวลาการส่งมอบงาน ส่วนประมาณการรายได้รวมในปีนี้ บริษัทฯยังคงประมาณการณ์ไว้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี2552 ที่มีรายได้อยู่ที่ 279.71 ล้านบาท
เนื่องจากบริษัทฯได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงต้นปี2553ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุน จึงฉุดให้เกิดความไม่มั่นใจในเข้ามาการลงทุน โดยจะแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากการรับงานบริการในการตรวจสอบในต่างประเทศประมาณ 3% ของรายได้รวม
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส2/2553 ที่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันที่ผ่านมานั้น นายสรรพัชญ์ กล่าวว่า เกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เข้ามาเป็นแรงกดดันที่ฉุดให้ผู้ลงทุนเกิดการชะลอตัวในการเข้ามาลงทุน แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเลขผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่ดีเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทฯก็ยังคงเน้นจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นตามนโยบายไม่ต่ำกว่า40%ของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายปันผลระหว่างกาลงวดปี2553ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียน ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ และจะกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 3 กันยายน2553 ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำศักยภาพทางธุรกิจของบริษัทฯว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลุ่มผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน