เด็กๆ รวมพลค้นความลับ “มหัศจรรย์แห่งพืช”

ข่าวทั่วไป Tuesday August 10, 2010 15:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--สวทช. พืช เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่กำเนิดขึ้นมานานหลายล้านปีแล้ว สีเขียวของพืชไม่เพียงช่วยให้โลกชุ่มชื้น เขียวชอุ่ม แต่ยังทำหน้าหน้าที่สร้างอาหาร และคอยต่อเติมลมหายใจให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งมวลด้วย แล้วเพราะอะไร พืชจึงสร้างความมหัศจรรย์ให้โลกได้เพียงนี้? ปริศนาชวนคิดที่ดึงดูดให้เยาวชนและครูกว่า 80 ชีวิต จากทั่วประเทศ เดินทางเข้ามาร่วมกันค้นหาคำตอบ ในค่าย “มหัศจรรย์แห่งพืช นักสร้างอาหารโลก” ซึ่งจัดโดยศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสังคม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร นางฤทัย จงสฤษดิ์ นักวิชาการศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสังคม สวทช. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มุ่งหวังให้เยาวชนและคุณครูได้เรียนรู้ เจาะลึกถึงเรื่องราวความน่าอัศจรรย์ของพืชและกระบวนการสังเคราะห์แสงผ่านการบูรณาการในทุกศาสตร์สาขาวิชา อาทิ ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมี เป็นต้น จากทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกันนี้ภายในกิจกรรมยังมีการนำตัวอย่างงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับพืชในด้านต่างๆ มาให้เยาวชนและคุณครูได้สัมผัส ทดลองทำ เพื่อจุดประกายให้เยาวชนรู้จักเรียนรู้จากธรรมชาติและนำความรู้จากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด “ภายในค่ายเด็กๆ จะได้ย้อนตำนานไปพบกับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองได้ พร้อมทั้งส่องกล้องดู “ไซยาโนแบคทีเรีย” กลุ่มสิ่งมีชีวิตแรกที่เกิดขึ้นบนโลก สนุกกับกิจกรรมท่องโลกธรรมชาติมหัศจรรย์ผ่านใบไม้ มาเจาะลึกทุกซอกทุกมุมกันว่าใบไม้ใบเล็กๆ เปลี่ยนพลังงานจากแสงแดดให้เป็นอาหารชั้นเลิศได้อย่างไร ก่อนจะพบกับ “สาหร่าย” สุดยอดพืชนักสังเคราะห์แสงตัวจริง จากนั้นมาเรียนรู้เรื่องพืชกับคณิตศาสตร์ผ่านกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “ออกแบบใบไม้อย่างไรให้รับแสงมากที่สุด” และร่วมกันค้นความลับของลำดับฟีโบนักชีกับธรรมชาติ นอกจากนี้เด็กๆ จะได้ค้นหาว่า คลอโรฟิลล์มีสีเขียวจริงหรือไม่ ในกิจกรรม “คุยเฟื่องเรื่องแสง” ก่อนจะต่อด้วยกิจกรรมหลากสีสัน ทำความรู้จักกับรงควัตถุหลากสีใน “พืชกับโรงงานเคมี” และปิดท้ายด้วยการสวมบทบาทนักวิจัยทดลองสร้างนวัตกรรมอันเป็นผลิตผลมาจากพืช อาทิ ฟิล์มคัดกรองแสงทางการเกษตร การสร้างเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์จากพืช เป็นต้น ที่สำคัญภายหลังจากกิจกรรมทั้งหมด เด็กๆ และคุณครูจะต้องช่วยกันระดมความคิดเพื่อ “สร้างสรรค์เทคโนโลยีจากพืช” สำหรับเป็นแนวทางในการนำไปใช้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนต่อไป” “เราเห็นต้นไม้อยู่ทุกวันก็รู้สึกเฉยๆ กระทั่งได้ร่วมกิจกรรมนี้จึงได้รู้ว่าพืชมีความหลากหลายและมีเรื่องราวที่มหัศจรรย์มากจริงๆ ค่ะ” ความรู้สึกแรกของ “น้องมัดหมี่” หรือ น.ส.ณัฐิดา ทองเฟื้อง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5โรงเรียนชลกันยานุกูล จ.ชลบุรี ภายหลังร่วมกิจกรรม และเล่าว่า พืชสามารถเจริญเติบโตได้ทุกหนทุกแห่ง เพียงแค่มีน้ำ อากาศ และแสงแดด หรือแม้แต่ในที่แห้งแล้ง ทะเลลึก หรือบริเวณที่มีอากาศหนาวเหน็บ พืชก็วิวัฒนาการปรับตัวให้อยู่รอดได้ เช่น ในทะเลทราย พืชจะปรับเปลี่ยนใบเป็นหนามเพื่อลดการคายน้ำ และลดพื้นที่ในการรับแสงเพื่อให้อยู่รอด อีกทั้งยังมีพืชหลายชนิดที่มีความแปลกประหลาดและน่าสนใจ เช่น ต้นมหัศจรรย์ ในกิจกรรมได้ทดลองกินผลของต้นมหัศจรรย์ จากนั้นก็กินมะนาวที่เปรี้ยวเข้าไป ก็กลายเป็นรสหวานหมด วิทยากรอธิบายว่าต้นมหัศจรรย์จะมีสารให้ความหวานซึ่งจะเคลือบอยู่ที่ลิ้นอยู่ ดังนั้น ภายหลังจากกินผลต้นมหัศจรรย์ในช่วง 1-2 ชั่วโมง ต่อมาจะไปกินอะไรก็จะได้แต่รสหวานอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ยังได้รู้ว่าพืชมีกลไกที่ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะในเรื่องการสังเคราะห์แสง แต่สิ่งที่เป็นความรู้ใหม่มากๆ ในครั้งนี้ คือการได้พบกับ ไซยาโนแบคทีเรีย กลุ่มสิ่งมีชีวิตชนิดแรกของโลก ซึ่งเดิมที่รับรู้มานั้นคือ “ไลเคน” จึงช่วยปรับความเข้าใจและเติมเต็มความรู้ได้มากทีเดียวค่ะ” ด้าน“น้องต๋อง” หรือ นายวงศกร สกุลชัยวัฒนา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.มุกดาหาร กล่าวว่า ประทับใจกิจกรรม “สร้างสรรค์เทคโนโลยีจากพืช” อย่างมาก เพราะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เรากล้าที่จะลองคิดค้นสิ่งใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น “วิทยากรลองให้ “ลูกสน” มาเป็นโจทย์ครับ เมื่อได้ลองพลิกซ้ายพลิกขวา ก็สังเกตพบว่า ลูกสนมีช่องคล้ายๆ หน้าต่างจำนวนมาก ในกลุ่มจึงคิดทำรองเท้าระบายอากาศ ซึ่งจะมีช่องระบายอากาศลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ บนรองเท้า สำหรับลดความอับชื้นในรองเท้าครับ นอกจากนี้ กิจกรรมที่ชอบมากคือเรื่องลำดับฟีโบนักชีกับธรรมชาติ เพราะพอลองกลับมาสังเกตต้นไม้ที่บ้านตัวเอง สังเกตเห็นว่าว่านกาบหอย มันมีการบิดเกลียวของใบที่น่าสนใจ และเมื่อลองเด็ดจำนวนใบออกมานับทีละใบก็พบว่ามีความสัมพันธ์กับเลขอนุกรมฟีโบนักชี ทำให้รู้สึกสนุกกับพืชและคิดว่าพืชน่าจะมีอะไรให้เราค้นหามากขึ้น” ขณะที่ “น้องอ้ำ” หรือ นายสุรพงษ์ กล่ำบุตร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนศรีสำโรงชนูปถัมภ์ จ.สุโขทัย กล่าวว่า ในค่ายนี้นอกจากจะได้รับความรู้ใหม่ๆ กลับไปมากมายแล้ว ยังได้พบกับนวัตกรรมของนักวิจัยไทยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพืชที่น่าทึ่งอีกด้วย “ผมชอบมากที่ได้ทดลองทำการทดลองต่างๆ ทำให้ผมตื่นตาตื่นใจกับสิ่งประดิษฐ์ที่นักวิจัยคิดค้นขึ้น เช่น เรื่องรงควัตถุหรือเม็ดสีในพืชมาประดิษฐ์เซลล์แสงอาทิตย์ พี่ๆนักวิจัยให้ผมได้ทดลองนำพืชชนิดต่างๆ เช่น แครอท มังคุด ผักกาด และแก้วมังกร มาคั้นเอาน้ำสีในผักผลไม้ชนิดต่างๆ จากนั้นก็นำสีของน้ำไปทาที่แผ่นทดลอง เพื่อวัดกระแสไฟฟ้า ซึ่งผลปรากฏว่าพืชที่มีสีเขียวมากจะมีกระแสไฟฟ้ามากกว่าพืชที่มีสีเขียวน้อย โดยนักวิจัยได้นำเม็ดสีในพืชไปเป็นตัวดูดกลืนแสงในเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายคลึงกับกระบวนการสังเคราะห์แสงในคลอโรพลาสต์ของพืช ค่ายนี้ทำให้ผมเห็นความมหัศจรรย์ของพืชในแง่มุมต่างๆ ทั้งช่วยสร้างอาหาร สร้างแหล่งที่อยู่อาศัย เป็นเครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคให้แก่มนุษย์และสรรพสิ่งในโลก อีกทั้งพืชยังนำเอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมาเปลี่ยนเป็นออกซิเจน ช่วยคายน้ำเพื่อลดอุณหภูมิให้กับโลก และยังเป็นแม่แบบให้เราได้สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ให้มนุษย์มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาพืช ผู้ที่ให้ชีวิตเราอยู่กับเราไปนานๆ ครับ” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-5647000 ต่อ 1489 , 1461
แท็ก ปริศนา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ