กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--IR PLUS
SYNEX โชว์ผลงานครึ่งปีแรกยอดเยี่ยม กำไร 133.86 ลบ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 41.73% ที่ทำได้ 94.45 ลบ. ในขณะที่ปั๊มรายได้สูงสุดในรอบ 21 ปี แม้โค้งสองรับผลกระทบจากความร้อนแรงทางการเมือง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” เผยเป็นผลจาก Market Share เพิ่มขึ้น และการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ทำให้รับมือกับการฟื้นตัวของตลาดสินค้าไอทีได้อย่างคล่องตัว ด้านบอร์ดสั่งปันผลคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นทันที 0.10 บ./หุ้น พร้อมจัดงาน “Synnex Open House & Exhibition Week' รวมพลลูกค้ากว่า 1,300 รายเข้าร่วม ชมเทคโนโลยีสุดไฮเทค มั่นใจสิ้นปีปั๊มรายได้ขยายตัวไม่น้อยกว่า 15%ได้ตามเป้า หลังครึ่งปีแรกทำได้กว่า 20% นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและซีอีโอ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำงวด 6 เดือนของปี 2553 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 133.86 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.20 บาท เทียบกับกำไรสุทธิจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 94.45 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.14 บาท ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 39.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ41.73 โดยผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้จากการขายและบริการรวมของบริษัทฯ ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงปีเดียวกันของปี 2552 ร้อยละ 19.65 หรือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 1,232.38 ล้านบาท ทำให้มีรายได้รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 7,504.16 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 6,271.78 ล้านบาท
“จะเห็นได้ว่ารายได้ 6 เดือนแรกของซินเน็คฯ ในปีนี้ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 21 ปี หรือตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา โดยปัจจัยหลักมาจาก มาร์เก็ตแชร์ในแต่ละกลุ่มสินค้าเพิ่มขึ้น หลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่แท้จริง ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในสินค้าหลายกลุ่มดังกล่าว และประการสำคัญในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ลงทุนในเทคโนโลยีทางด้านไอที และการบริหารจัดการคลังสินค้า จนทำให้สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี จึงสะท้อนให้ผลประกอบการเติบโตได้อย่างโดดเด่นดังกล่าว”
นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า จากที่ผลกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกที่เติบโตได้อย่างโดดเด่นดังกล่าว ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา คณะกรรมการจึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล ระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 ให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เป็นจำนวนหุ้น ทั้งหมด 672,744,750 หุ้นรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 67,274,475-บาท โดยกำหนดให้วันที่ 24 สิงหาคม 2553 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล
และให้รวบรวมรายชื่อตาม ม.225 ของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 25 สิงหาคม 2553 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 6 กันยายน 2553
เขากล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลังว่า มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกได้ เนื่องจากได้เห็นสัญญาณบวกสนับสนุนอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลต่อเนื่องให้ตลาดสินค้าไอทีเติบโตไปในทิศทางเดียวกันได้ ประการสำคัญขณะนี้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของสินค้าหลายรายให้จัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3/2553 เป็นต้นไป อาทิ โตชิบา และสินค้าในกลุ่ม เอเซอร์ ที่ปัจจุบันได้จัดจำหน่ายเกือบทุกรายการยกเว้นกลุ่มโน้ตบุ๊คเท่านั้น รวมทั้งสมาร์ทโฟน BlackBerry ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า เนื่องจากเป็นโทรศัพท์มือถือที่เป็นที่นิยม ประกอบกับ ซินเน็คฯ ได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการหลังการขายอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น และมุ่งขยายศูนย์บริการ และสาขาในภูมิภาค และเร่งขยายร้านไอทีรูปแบบทันสมัย ซีเน็ค ช็อป (Cnex shop) ซึ่งเป็นระบบแฟรนไชส์ค้าปลีกของซินเน็คฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าอินเทรนด์ ให้กลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ และ เพิ่มรายได้ไปในเวลาเดียวกัน จึงคาดว่าจะสนับสนุนให้รายได้ทั้งปีเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 13,490 ลบ.ไม่น้อยกว่า 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการยืนยันถึงความตั้งใจจริงในการขยายธุรกิจ และแสดงให้เห็นเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนของบริษัทฯ จึงได้จัดงาน 'Synnex Open House & Exhibition Week' ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อจัดแสดงระบบการทำงานต่างๆ ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ซินเน็คฯ ได้ลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ถือเป็นการตอกย้ำความมั่นใจให้ลูกค้าเห็นถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจไอทีในอนาคตได้อย่างคล่องตัว
โดยภายในงานมีการสาธิตการทำงานที่เชื่อมโยงธุรกิจการจัดจำหน่ายไอทีของบริษัทฯ ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ด้วยระบบการบริหาร 'Global System' ซึ่งมีความสามารถในการจัดการ ตั้งแต่ระบบบัญชี การวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการบริหารฐานข้อมูลลูกค้าอย่างครบวงจรนอกจากนั้น บริษัทฯ ได้นำระบบ Automation Storage and Retrieval System (ASRS) ซึ่งเป็นระบบบริหารคลังสินค้าอัตโนมัติที่ใช้ระบบแขนกลอัจริยะ (Robot Arm) ที่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยมาใช้ในบริษัทฯ เพื่อรองรับธุรกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และในงานเดียวกันนี้ บริษัทฯ ยังเปิดตัวสินค้าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก 'ซีเกท' ซึ่งเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ที่สุดของโลก ที่บริษัทฯ เป็นผู้แทนการจัดหน่ายหลักรายใหญ่ของซีเกท มากว่า 17 ปี ซึ่งการเปิดสินค้าใหม่ดังกล่าวของ 'ซีเกท' เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ เป็นอย่างมาก
“การจัดงานในครั้งนี้เหมือนเป็นการเปิดบ้านของบริษัทฯ เพื่อโชว์ศักยภาพเทคโนโลยีของธุรกิจ และระบบการทำงานต่างๆ ตลอดระยะเวลาจัดงานกว่า 2 สัปดาห์ คาดว่าจะมีลูกค้า สื่อมวลชน และนักวิเคราะห์มากกว่า 1300 รายที่เข้าเยี่ยมชม ซึ่งเชื่อว่าลูกค้าจะเข้าใจในธุรกิจ และระบบการทำงานที่ชัดเจนของเทคโนโลยี รวมถึงสะท้อนให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าของบริษัทฯ มากขึ้น” นายสุพันธุ์ กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
IR PLUS : คุณจุฬารัตน์ เจริญภักดี(ฟ้า) Tel. 02-554-9395 Mobile 089-4888337 E-mail : jurarat@irplus.in.th