กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--สหมงคลฟิล์ม
เมื่อ “แรงปรารถนา” ถูกถ่ายทอดผ่านแววตา ท่าทาง และความรู้สึก อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ ซูเปอร์โมเดลนักแสดงสาว กับโปรเจ็คต์ภาพยนตร์อีโรติก-น้ำตาลแดง ที่มาพร้อมสปิริตและความท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดง
Q. กำลังมี “น้ำตาลแดง” โปรเจ็คต์ภาพยนตร์แนวอีโรติกที่กำกับโดยผู้กำกับรุ่นใหม่ถึง6คนของสหมงคลฟิล์ม เป็นไงมาไงถึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในผลงานชิ้นนี้
A. ก็จริงๆต้องบอกว่ามันเริ่มจากการที่เราไม่เคยรู้จักตัวผู้กำกับมาก่อนเลยนะ แต่ว่าวันดีคืนดีก็มีทีมงานโทรติดต่อมาบอกว่าให้ลองมาคุยกับผู้กำกับดู ผู้กำกับชื่อเอม (กิตติยาภรณ์ กลางสุรินทร์ ผู้กำกับ “ปรารถนา” ซึ่งเป็น1ใน 6 ภาพยนตร์ในโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง) เป็นผู้หญิง แล้วก็เป็นผู้กำกับที่อายุเท่าเราเลย เราก็เฮ้ย!! อายุเท่ากันแล้วจะทำหนังได้เหรอ เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจ ก็เลยต้องลองไปคุยดูก่อนว่าจะเป็นยังไง ตอนแรกที่ได้เจอเอมก็เหมือนมีสารบางอย่างที่มันจูนกันติดคะ ตัวผู้กำกับเองเขาก็บอกว่าเขาคัดเลือกแล้ว ก็คุยมาหลายๆคนแล้ว แล้วเราเป็นคนสุดท้ายที่เขาได้คุย ก็เลยนัดคุยกัน แล้วพอเราได้คุยก็รู้สึกได้ถึงความละเอียดอ่อน ความเอาใจใส่ในเรื่องของการเขียนบท แล้วก็การกำกับในตัวของเอม ยอมรับว่าตอนแรกก็กลัวนะ ยิ่งพอรู้ว่าเป็นหนังอีโรติกด้วย เพราะว่าอุ้มเองก็จะมีภาพที่เซ็กซี่ติดตัวมาตลอด แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาก็จะปฏิเสธหนัง หรือละครที่มีฉากเลิฟซีนหรือฉากเซ็กซี่ ต้องยอมรับว่าพอได้คุยกับทางผู้กำกับเอง ทางตัวบทเอง เรารู้สึกเลยว่าเฮ้ย !! มันน่าเล่นจังเลย รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มากเลย โดยเฉพาะในตัวบทของส้ม มันเป็นการพลิกคาแร็คเตอร์ครั้งยิ่งใหญ่ของอุ้มนะ เรารู้สึกว่าในเมืองไทยที่ผ่านมายังไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่จะทำในแนวอีโรติกอาร์ตออกมาได้อย่างนี้ ก็ได้คุยว่าตัวบทมันเป็นยังไง ก็รู้สึกประทับใจในตัวเอมผู้กำกับเนี่ย พอยิ่งคุยเรารู้สึกว่าถูกใจ เอาบทมาอ่าน พอยิ่งอ่านแล้วรู้สึกว่าฉันอยากเป็นส้มจังเลยอะ ก็เลยรับเล่นค่ะ
Q.โดยส่วนตัวแล้วอุ้มเองมีมุมมอง แนวคิด ทัศนคติต่อภาพยนตร์ในแนวอีโรติกอย่างไร
A.ก็จริงๆแล้วอุ้มชอบนะ อุ้มชอบดูอะไรที่เกี่ยวกับสรีระของผู้หญิงแล้วก็ของผู้ชาย ความแตกต่างของรูปร่างของผู้หญิงกับผู้ชาย เหมือนมันเป็นอะไรที่น่าลุ่มหลงนะว่าทำไมพระเจ้าถึงสร้างให้ผู้หญิงกับผู้ชายมีอะไรที่แตกต่างกัน เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราชอบมองผู้หญิงสวยๆ ชอบมองผู้ชายหล่อๆนะ มันก็เลยกลายเป็นว่าพอเราได้มาดูหนังอีโรติกแล้ว มันก็เป็นหนังที่มีเสน่ห์ จริงๆไม่อยากให้คนมองคำว่าอีโรติกจะต้องเป็นเรื่องของเซ็กซ์ เป็นเรื่องของอนาจารเป็นเรื่องของคนที่ต้องมาแก้ผ้ากัน มันมีอย่างอื่นที่ไม่ใช่แค่ตรงนั้นนะ จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของมนุษย์นะ ที่ถ้าเราจะมีเซ็กซ์มันก็จะเป็นเรื่องแบบเห็นภาพเปลือย ถอดเสื้อผ้า แต่บางครั้งเราอาจจะไปติดยึดกับความคิดเดิมๆว่าจะต้องเป็นแบบนี้ จะต้องเป็นแค่นี้ พอพูดถึงอีโรติกปุ๊บทุกคนก็จะคิดว่าหนังโป๊ หนังเปลือย จริงๆแล้วมันไม่ใช่ เราต้องลองเรียนรู้ที่จะเปิดใกว้างๆให้ลองศึกษาเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ให้มันเยอะๆแล้วจะได้รู้ว่าหนังอีโรติกจริงๆแล้วมันมีเสน่ห์มากๆ
Q. สำหรับอุ้มแล้วคิดว่าบทนี้ท้าทายทางการแสดงอย่างไร
A.ท้าทายความสามารถมาก คือพอเราได้อ่านบทแล้ว แบบว่าโอ๊ยตายแล้วผู้หญิงคนนี้มันเป็นอะไรที่ธรรมชาตินะ สวยแบบไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าที่ผ่านมาเล่นหนังเล่นละครอุ้มก็จะโดนแต่งหน้าเยอะ แต่งตัวเยอะ ซึ่งพอเราได้เปลี่ยนคาแร็คเตอร์มาเป็นตัวส้มเอง ก็จะเป็นผู้หญิงบ้านๆธรรมดาๆซึ่งไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องแต่งตัวเยอะ วันที่ฟิตติ้งเสื้อผ้าเราจะแบบแฮปปี้มาก ความฝันอุ้มนะ อุ้มอยากเล่นหนังอะไรที่มันเป็นผู้หญิงธรรมดาๆบ้านๆคนหนึ่งโดยที่ให้มันมีเสน่ห์ในตัวของมันเอง ให้มันไม่ต้องไปเสริมเติมแต่งมันอะไรอย่างนี้ แล้วพอเราได้ไปเป็นตัวละครตัวนั้น เราแฮปปี้มาก ตรงที่ตอนไปทำงานนี่เราจะไม่มีการแต่งหน้าเลย ผมสีดำคือเป็นผู้หญิงไทยแท้ๆอะไรอย่างนี้คะ การแต่งตัวก็แบบไม่ได้เซ็กซี่เลย ก็แบบเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดา ก็ใส่ชุดนวดอะไร เพราะฉะนั้นมันเป็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากเข้าไปเป็นตัวละครตัวนั้นมากๆคะ
Q. งั้นคงต้องเล่าให้ฟังแล้วว่ากับบทบาทล่าสุดในโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ น้ำตาลแดง1 เรื่อง ปรารถนา รับบทเป็นใคร คาแร็คเตอร์เป็นอย่างไร
A. ในโปรเจ็คต์ น้ำตาลแดง ตอนปรารถนา อุ้มรับบทเป็นส้ม ส้มนี่ก็จะมีคาแร็คเตอร์ที่ค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่เงียบ แล้วก็เหมือนเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบคิดอะไรไว้อยู่ภายในใจคนเดียว แล้วคนที่มองส้มจากภายนอกก็จะไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดหรือว่ารู้สึกอะไรอยู่ เพราะเหมือนเธอก็จะปิดตัวเองที่จะเรียนรู้จากคนอื่นที่จะเข้ามาในชีวิตของเธอ เหมือนจะเป็นแบบออกแนวขรึมๆ แต่ว่าในการระบายออกของเธอนั้นคือเลือกที่จะวาดรูปภาพ ซึ่งตัวส้มเองในเรื่องก็จะมีอาชีพเป็นหมอนวดแผนไทยโบราณคะ ก็ทำงานอยู่ที่ถนนข้าวสาร แล้วในตึกเนี่ยก็จะมีสองสามชั้น ซึ่งส้มก็จะต้องเดินไปทำงานทุกวัน ซึ่งระยะทางไกลมาก ระหว่างป้ายรถเมล์มายังร้านที่เธอทำงานอยู่ ก็เดินเรื่อยๆเธอก็จะซึมซับบรรยากาศของถนนข้าวสารได้เป็นอย่างดี ชีวิตก็จะรายล้อมไปด้วยสิ่งต่างๆวุ่นวาย ตั้งแต่เช้าไปจนถึงดึกดื่น
Q.ในมุมมองของอุ้มเองคิดว่าเสน่ห์ของตัวละคร “ส้ม” ใน น้ำตาลแดง1 เรื่อง ปรารถนา อยู่ที่ตรงไหนอย่างไร
A.เสน่ห์ของ ตัวละครตัวนี้ อยู่ที่เขาดูเป็นผู้หญิงที่เข้าถึงยาก ดูเป็นผู้หญิงที่ดูมีอะไรอยู่ในใจ มีอะไรอยู่ในความคิดเขาตลอดเวลา ซึ่งจะไม่มีใครสามารถเปิดดูส้มได้ เพราะส้มไม่ยอมให้ใครเปิดดูได้ง่ายๆ นี่แหละมันคือเสน่ห์ของส้มตรงที่ว่าถึงชั้นจะทำงานแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกๆคนที่มองชั้น ทุกคนที่รู้สึกดีกับชั้นๆจะเปิดโอกาสให้คุณทุกๆคน ไม่ใช่ผู้หญิงที่ง่ายกับใคร นี่แหละคือเสน่ห์ของส้ม
Q. คาแรคเตอร์ของส้มกับตัวจริงของอุ้ม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
A.อุ้มเป็นคนร่าเริง อุ้มเป็นคนคุยเก่ง เป็นคนแจ่มใส เป็นคนพูดเยอะ แต่ส้มเป็นคนที่เก็บตัวเอง เงียบ ไม่พูดกับใคร ไม่กล้าที่จะแสดงออกทางความรู้สึกกับใคร แต่มันจะเหมือนกันตรงที่ มันจะมีปมอยู่ในใจนิดนึงคือความเศร้า ความเศร้าที่ไม่สามารถบอกให้ใครรู้ได้ เพราะอุ้มเองอุ้มก็มีปัญหา มีเรื่องที่เศร้า มีเรื่องที่เครียด แต่ว่าไม่บอกใครให้คนอื่นรู้ ทำให้คนอื่นคิดว่าเรามีความสุข เราไม่เหนื่อย เราไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ว่าข้างในจริงๆแล้วมันก็เหนื่อย มันก็มีความรู้สึกเหนื่อยจังเลย วันนี้แย่นะ แต่ว่าการที่เราแสดงออกไปก็เป็นเพราะเราไม่อยากให้คนอื่นกังวล ไม่อยากให้ห่วง ตัวส้มเองก็มีตรงนั้น การที่จะต้องมาทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทยมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะแฮปปี้มากนัก แต่ว่าก็ทำเพื่อไม่ให้ใครเดือดร้อน ทำเพื่อดูแลตัวเอง ไม่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อน แล้วก็ไม่ได้ไปทำอะไรที่มันเสื่อมเสียหญิงไทย มันก็จะมีความคิดในบางมุมที่มันเหมือนกัน ในตัวอุ้มกับส้ม
Q. “ปรารถนา” ใน น้ำตาลแดง1 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
A.เรื่องย่อของปรารถนานะคะ ก็เป็นเรื่องของคนเหงาสองคนที่อยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน อยู่ในถนนเดียวกัน อยู่ในตึกทำงานเดียวกัน ระหว่าง ส้มกับตัวอิฐ(พระเอกของเรื่องบลูม-วรินทร ญารุจนนทน์) 2คนนี้จะต้องเดินทางมาทำงานทุกวันเราก็ต้องเดินผ่านกันทุกวัน ถามว่าต่างคนต่างชอบ ต่างคนต่างรู้สึกดีไหม ต่างคนต่างรู้สึกดี แต่เหมือนเราไม่ได้แสดงออกว่าเราชอบคุณนะ คุณชอบเรานะ คือตัวส้มจะต้องเดินขึ้นไปชั้นสาม เพราะว่าตัวส้มเขาเป็นพนักงานนวดแผนโบราณอยู่ชั้นสาม แล้วอิฐเป็นช่างสักอยู่ชั้นสอง แล้วทุกครั้งที่เดินผ่านตัวอิฐก็จะรู้ว่าเวลานี้ส้มจะต้องมา เวลานี้ส้มจะต้องไปซื้อข้าว อิฐก็จะเหมือนแบบทำเป็นมาดักรอเจอ แล้วพอได้เจอกันก็แค่แอบมองกันไปแอบมองกันมา จนวันหนึ่งอิฐก็ได้พาแขกที่ร้านสักขึ้นมานวดในร้านที่ส้มทำงาน เป็นจังหวะที่ส้มก็ได้นวดให้อิฐ แล้วในระหว่างที่นวดไปส้มก็เหมือนมีความรู้สึกดีๆให้ ก็ถ่ายเทอารมณ์ความรู้สึกดีๆที่มีไปให้กับอิฐผ่านการนวดแผนไทย ต่างคนก็ต่างมีความรู้สึกดีซึ่งกันและกัน จนกระทั่งการนวดผ่านไป มันก็มีความปรารถนาที่เกิดขึ้น จากจุดนี้เหมือนกับว่าอิฐได้ก้าวเข้ามาในโลกของส้ม ทำให้ส้มเองก็เริ่มรู้สึกที่อยากจะก้าวเข้าไปสัมผัสในโลกของอิฐบ้าง แล้วเรื่องราวมันก็ดำเนินมาจนกระทั่ง..... ต้องไปดูเอาเองค่ะว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
Q.ในโปรเจ็คต์น้ำตาลแดงทราบมาว่าผู้กำกับให้ความสำคัญกับภาษาภาพในการเล่าเรื่องมาก ถึงขนาดหลายๆฉากในภาพยนตร์ตัวละครแทบจะไม่มีบทพูดเลย อย่างนี้ส่งผลกับการแสดงของนักแสดงหรือไม่ อย่างไร
A.ค่ะคืออย่างที่บอกถ้าพูดถึงคำว่าอีโรติกแล้ว ไม่ได้มุ่งที่ต้องนำเสนอว่าจะต้องมีฉากโป๊ ถอดเสื้อผ้า หรือการมีเซ็กซ์อย่างเร้าร้อนอย่างเดียว เพราะจริงๆแล้ว ในตัวละครของส้มเอง เป็นคนที่เงียบ เก็บตัว แต่ถามว่ามีความต้องการมั้ย ทุกคนมีความต้องการ ตัวส้มเองก็มีความต้องการ แต่ส้มเลือกที่จะแสดงออกอย่างไร ตอนที่แสดงยากมากนะ แล้วมันก็เครียด เพราะอย่างตอนอ่านบท เรารู้สึกเลยว่า ทำไมไม่พูดกันเลย ตัวละครเป็นใบ้รึเปล่า แต่พอเราได้ไปสัมผัสจริงๆแล้วบางทีภาษากายมันแสดงออกให้เห็นได้ดีกว่าภาษาพูด คำพูดบางคำอาจจะแค่ลอยๆไม่มีความหมาย แต่ภาษากายที่เราแสดงออกไปบางทีมันสื่อได้ว่าเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนเล่นก็ยาก บางทีก็จะรู้สึกว่า จะเล่นยังไงล่ะ ปกติเวลาเล่นก็จะพูดๆๆใช่มั้ยคะ แต่อันนี้ทั้งสีหน้า แววตา ท่าทาง จะแสดงออกอย่างไร อย่างตอนนี้อุ้มจะติดเล่นละคร ซึ่งเล่นละคร แอคติ้งจะเยอะ ทางเอมก็จะแบบไม่ๆๆอุ้ม เอาแบบน้อยๆ เอาแอคติ้งแบบมาจากอินเนอร์จริงๆ ข้างใน แสดงออกทางสีหน้าแววตา โดยเฉพาะตาสำคัญมาก ถ้าเราเล่นแล้วดวงตาไม่มีพลัง ก็จะสื่ออารมณ์ไม่ได้เลย คือช่วงก่อนที่จะเล่น เราต้องเป็นส้มไปแบบอาทิตย์สองอาทิตย์เลยนะ เก็บความรู้สึกตัวเองไว้ แล้วก็ไปคุยกับเอมก็นั่งคุยกัน เอมก็พูดอะไรบางอย่างออกมาไม่รู้อุ้มร้องไห้เลย คือว่าตัวละครของส้มมีปมในใจเหมือนอุ้มซึ่งเอมเขารู้สึกสัมผัสได้จากการที่คุยกับอุ้ม แล้วรู้สึกว่าอุ้มกับส้มเหมือนกัน มีอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน แล้วเขาก็พูดออกมา เราก็นั่งฟังแล้วเราก็ร้องไห้ แล้วเอมก็บอกว่าเข้าใจใช่มั้ยว่านี่แหละคือส้ม เราก็บอกว่าเราเข้าใจเขาก็บอกว่าให้เก็บความรู้สึกตรงนี้เอาไว้ ตลอดเวลาที่ทำงาน ตลอดเวลาที่เจออิฐ ส้มจะมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ในใจ ซึ่งต้องไปดูว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร เขาเป็นผู้หญิงที่ทำงานอยู่ย่านถนนข้าวสาร ดูแล้วน่าจะเป็นคนง่ายๆรึเปล่า หรือฟรีเซ็กซ์รึเปล่า ทำงานนวดแล้ว จะออกไปกับแขกไหม มันก็มีหลากหลาย ต้องลองดู แล้วจะรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่ากับคำว่าอีโรติก หรือโป๊ เปลือย เพราะว่าในฉากของอีโรติกตรงนั้นเอง มันก็ยาก ยากมากๆ อุ้มเชื่อว่าไม่เคยมีนักแสดงคนไหนในประเทศไทยที่เล่นบทแบบนี้ ความยาว 10 นาที แล้วก็อุ้มคิดว่ามันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากคะ
Q. สำหรับฉากอีโรติกมีกระบวนการทำงานอย่างไรบ้าง เห็นบอกว่าก่อนถ่ายก็ต้องมีการเตรียมตัวกันพอสมควร
A.สำหรับฉากอีโรติกฉากไฮไลท์ฉากนี้ก็เครียด เครียดตั้งแต่รู้ว่าต้องเล่นฉากนี้แล้ว ว่าจะต้องเล่นแบบนี้ อย่างนี้ ก็คุยกับคุณแม่ว่าจะเล่นยังไงดี จะทำยังไงจะออกมาเป็นแบบไหน จะดูแรงไปมั้ย คิดหลายอย่าง คิดหลายด้านมาก แต่ว่าด้วยความที่เราคุยกับเอมเยอะ แล้วเราเชื่อในตัวเขาว่าเขาจะทำให้หนังออกมาดูสวยไม่ทำให้ออกมาดูน่าเกลียดในเรื่องของฉากนั้น วันที่ถ่ายรู้ตัวแล้วว่าจะต้องเล่นฉากนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เราก็เตรียมตัวตั้งแต่คืนนั้นแล้วว่าจะทำยังไงดีลองซ้อมดู ก็คิดจนกระทั่งไม่ไหวแล้วปล่อยมันไปเถอะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกแล้วกัน พอไปถึงกองตอนเช้าเราก็แบบไม่กล้ากินข้าว เดี๋ยวไม่สวย เดี๋ยวพุงป่อง แล้วก็นั่งเครียด ทุกคนก็แบบอุ้มเป็นอะไร เราก็บอกว่าเราเครียดมันเป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถ เชื่อว่านักแสดงทุกคนก็จะต้องเครียด แต่ถามว่ามันเจ๋งนะฉากนั้นแล้วมันเป็นการเล่นที่ยาวนาน ต่อเนื่องกันโดยที่ไม่มีการคัตใดๆทั้งสิ้น คืออมันเป็นอารมณ์ต่อเนื่องความรู้สึกตั้งแต่เริ่มต้นไปจนจบ ฉากนั้นใช้เวลาถ่ายอยู่ประมาณหลายชั่วโมงมาก แต่ว่าทางเอมก็ค่อนข้างเซฟให้เราตรงที่ว่าตอนถ่ายก็จะมีเฉพาะผู้หญิงแล้วก็ไม่มีผู้ชาย แล้วปล่อยให้เราเล่นไปตามความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆคือ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นอุ้มแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นส้มที่มีความรู้สึกต่ออิฐจริงๆ จริงๆแล้วอยากให้ชมฉากนี้มากๆมันเป็นอะไรที่ตัวเองเล่นเองยังไม่กล้าดู ไม่กล้าดูจริงๆ คือวันที่เจอเอมก็ขอดูหน่อย เอมก็บอกว่าไม่ ไว้รอดูจอใหญ่ทีเดียวเลย เราก็ขอดูหน่อยนิดนึง พอดูได้ประมาณ 2 วิ ก็พอๆไม่กล้าดูแล้วเขิน
Q.สำหรับอุ้มแล้วในการถ่ายทอดตัวละครส้ม ไม่ใช่เพียงแค่การเตรียมตัวสำหรับอีโรติกซีนอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รับบทเป็นคนที่มีอาชีพพนักงานนวด
A. ค่ะ จริงๆแล้วเป็นคนชอบนวดมากคือจะไปนวดทุกอาทิตย์อยู่แล้วคะ อาทิย์ละครั้ง แต่เวลาไปนวดเราไม่เคยสนใจไงคะ ก็นอนหลับ ไม่ได้ดูว่าเขานวดท่าไหน หรือว่าบีบยังไง แต่พอมาเริ่มเป็นส้มแล้ว ก็จะคอยสังเกตแล้วว่าอ๋อเวลานวดเขาทำแบบนี้ เขาทำมือแบบนี้ เขาทำท่าแบบนี้ แต่เวลาดูกับทำจริงๆไม่ง่ายเหมือนที่ดู คือเราถ่ายที่ร้านนวดแผนไทยจริงๆ ก็จะมีพี่พนักงงานนวดไทยมาสอนคอยบอกท่าทางการนวดต้องทำยังไง ซึ่งมันเหนื่อยมากนะเป็นอะไรที่ต้องใช้พลังทั้งหมด อุ้มว่าคนที่ทำอาชีพนวดไทยได้เก่งมากเลย กับการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งต้องยกผู้ชาย หรือว่ายกตัวผู้ชาย บิดตัวผู้ชายที่ตัวใหญ่ๆได้ การนวดแผนไทยคือต้องเก่งแล้วต้องมีพลังเยอะมากนะ เหมือนเป็นหมอที่ต้องทำให้เราสบาย การจับเส้นเป็นอะไรที่ต้องศึกษา ต้องรู้จริง ฉากวันนั้นหมดแรงเลยค่ะ ต้องยกพี่บลูมโอ้โห..สิบกว่ารอบเลยนะ แล้วอุ้มก็ตัวเล็กมากพี่บลูมก็ตัวใหญ่มาก ต้องกดต้องทำท่าแล้วมันก็ต้องใส่ความอีโรติกลงไปในท่าทางด้วย คือมันก็ต้องมีท่าที่สวย แล้วต้องถูกต้องตามหลักการนวดแผนไทยด้วย
Q.แต่ละท่าที่ถูกเลือกมาถ่ายทอดในภาพยนตร์นอกจากจะสื่อความหมายตามที่ผู้กำกับต้องการแล้ว ยังเป็นท่าที่ยากไม่ใช่เล่นเหมือนกัน
A. สำหรับท่านวดที่ต้องยกตัวพี่บลูมเป็นท่าที่ยากที่สุดแล้ว เพราะว่าตัวอุ้มก็แค่นี้ส่วนพี่บลูมสูงซะขนาดนั้น แล้วต้องยกพี่บลูมขึ้นมา แบบว่าพี่บลูมนั่งอยู่แล้วอุ้มต้องเอาแขนไปล็อคเอาไว้ แล้วก็ต้องหงายยกพี่เขาขึ้นมาให้ศรีษะเขากับหน้าเราอยู่ชิดติดกัน ซึ่งต้องยกค้างนานมากแบบหายใจไม่ออกแล้ว แต่ว่าต้องเกร็งหน้าว่าแบบชั้นรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้คุณแบบเซ็กซี่อีกด้วยนะ แต่ในใจอุ้มนี่แบบจะตายแล้วคะ(หัวเราะ)หลายรอบมาก กลับไปบ้านป่วยเลยแต่ตอนที่เล่นมันต้องทำให้ได้ถือว่ากดดันมากนะ เครียดด้วยเรื่องของเวลาด้วยอะไรด้วย พี่บลูมเขาก็เครียดแล้วเขาก็เกรงใจเรา เขาบอกน้องอุ้มพี่ตัวหนัก พี่ขอโทษนะ อุ้มก็บอกใส่มาเลยพี่ใส่มาเลยจะได้ผ่าน แต่ว่ามันก็เป็นอะไรที่หนักมากนะฉากนั้น เพราะว่าต้องมีการถ่ายเพิ่ม ถ่ายซ่อมใหม่ด้วย แต่ว่าก็แฮปปี้กับภาพที่ออกมาแล้วมันได้ภาพที่สวยงาม อ่อนช้อย ดูแบบโห..อุ้มเก่งมากเลย ไม่หนักเลย แต่ในใจโคตรหนัก (หัวเราะ) จำไม่ได้ว่ากี่เทค แต่รู้ว่าเยอะมากจนไม่มีแรงยกแล้ว ก็บอกว่าหนูขอนอนแล้วให้พี่บลูมทับลงมาเลยได้ไหมหมดแรงแล้วและก็เหนื่อย การนวดแผนไทยมันคือการกดลงไป แล้วทุกท่ามันต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี จะต้องเห็นเส้นเลือดที่ปูดขึ้นมาจากการกด เห็นกล้ามเนื้อของเราที่มันบีบรัดจากการที่เราออกแรงลงไป มันไม่ใช่แค่ทำท่าว่าเรานวด แต่ทุกท่าคือเราทำจริงๆ แล้วกล้องจะต้องซูมให้เห็นว่าแขนเราเกร็งจริงๆนะ เราต้องใส่อารมณ์ ท่วงท่าที่สวยงาม แสงสวย และสรีระของผู้หญิงในการนวด
Q. อยากให้พูดถึงการทำงานร่วมงานกับนักแสดงชาย พระเอกของเรื่อง บลูม-วรินทร ญารุจนนทน์ 1ใน10 หนุ่ม Men's Health Guys' Challenge 2010
A.เป็นครั้งแรกที่ได้เจอและร่วมงานกับพี่บลูมค่ะ คือพอเจอเอมปุ๊บเอมก็ให้ดูรูปพระเอกที่จะมาเล่นเป็นอิฐ เราก็คิดว่าใครหล่อจังเลย (หัวเราะ) แต่ไม่รู้จักว่าพี่เขาเป็นใคร ก็ถาม เอมก็บอกว่าเป็นมือกลองอยู่วงดนตรี แล้วเหมือนเอมจะไม่อยากให้เราได้เจอกันสักเท่าไหร่กับพี่บลูม ก็ได้เจอกันแค่วันฟิตติ้ง แต่ว่าเอมก็จะไม่ค่อยให้เราได้คุยกัน เหมือนเขาอยากให้เราเคอะเขินกันจริงๆ เพราะว่าส้มกับอิฐมันต้องเขินกันในเรื่อง ถึงแม้จะเจอกันทุกวันแต่ตัวแสดงทั้ง2คนจะไม่ได้คุยกันเลย เพราะฉะนั้นจะมีมุมของความเขินอยู่ แล้วเอมก็อยากให้เรามีมุมของความรู้สึกตรงนั้นจริงๆ ก็เลยได้มาเจอกันวันที่เปิดกล้องพี่บลูมก็ยังเกร็งๆกันอยู่ เพราะว่าช่วงฉากแรกๆจะเป็นฉากที่ยังไม่ค่อยได้เข้าด้วยกันคะ พอตอนหลังที่ต้องเข้าด้วยกันเยอะๆพี่บลูมเขาก็จะเกร็งๆอยู่บ้าง เหมือนพี่บลูมเขาก็เล่นหนังเรื่องแรกด้วย แต่เราทำงานมาเยอะแล้วก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้เกร็งสักเท่าไหร่ แต่ว่าเราจะรู้สึกเกรงใจว่าเอ๊ะเราจะจับยังไง นวดท่าไหนหรืออะไรอย่างนี้มากกว่าค่ะ เราก็จะรู้สึกเกร็งๆตรงนั้น แต่โอเคเราก็อาศัยคุยกันให้มากขึ้น อุ้มก็จะเป็นคนชวนพี่บลูมคุย เพราะเราก็จะเป็นแบบเด็กๆอยู่แล้ว พี่บลูมบอกว่าอุ้มจะเหมือนแมวขี้อ้อน ก็จะชวนเขาคุย พอคุยไปแล้วเขาก็จะเริ่มผ่อนคลายแล้วก็รู้สึกกล้าที่จะเป็นอิฐมากขึ้น เพราะจะเครียดว่าเรื่องแรกจะเล่นยังไง ทำแบบนี้ถูกมั้ย มุมกล้องอย่างนี้ได้รึเปล่า เราก็จะคอยแนะนำจนค่อยๆสนิทกันขึ้นเรื่อยๆค่ะ แล้วก็พอถึงฉากที่ต้องโดนเนื้อต้องตัวกัน เขินนะ เขินมาก เพราะมันจะมีอยู่ช็อตหนึ่งที่ส้มนวดให้อิฐ แล้วเราอยู่อย่างนี้(ในท่านวด)หน้าก็จะต้องจ้องอยู่จริงๆ ก็เขินค่ะ แต่ว่าก็พยายามคิดว่าเราเป็นส้ม มันก็มีการสัมผัสโดนเนื้อต้องตัวกันถือว่าเป็นฉากอีโรติกนะ ก็ต้องมีการเขินเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
Q.ต้องร่วมงานกับผู้กำกับใหม่และเป็นผู้กำกับหญิงเพียงหนึ่งเดียวของโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง
A. เอมหรอคะตอนเจอกันครั้งแรก มาในสภาพแบบหัวยุ่งๆ มอมแมม ใส่แว่น มาแบบเฮ้ย!คุณเป็นผู้กำกับจริงๆหรอ อะไรดูไม่มีแนว ไม่มีมาดของความเป็นผู้กำกับเลย แล้วก็คุยกันแบบเหมือนเป็นเพื่อนกัน ทั้งๆที่ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ แต่ว่าด้วยความที่วัยเดียวกันพอเราได้เริ่มสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเอมแล้ว เอมเป็นผู้หญิงที่มีมุมของความเป็นผู้หญิ๊ง ผู้หญิง ภายนอกดูจะเป็นคนห้าว ดูลุยๆ แต่เขาผู้หญิงมากเลย ทั้งความคิดรวมไปถึงความละเอียดอ่อนของเขา จนพอได้มาร่วมงานกันปุ๊บวันแรกที่กำกับ อุ้มถึงกับรู้สึกทึ่งและนับถือในตัวเอมมาก เอมเป็นคนเก่งเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของตัวละคร ในองค์ประกอบรอบๆด้าน มันเป็นเรื่องใหญ่นะกับการที่จะทำหนังสักเรื่องหนึ่งออกมาให้ประชาชนคนได้ดูขนาดนี้ เราก็รู้สึกว่าอย่างแรกเราต้องเชื่อในตัวผู้กำกับ ในบทที่เขาสร้างขึ้นมา ในคาแร็คเตอร์ของ ส้ม พอเราเชื่อในตัวผู้กำกับแล้วเราจะทำงานได้โดยที่เราไม่ติดใจว่านี่อะไร อันนี้คืออะไร อันนั้นทำไม เพราะพอเราเชื่อในตัวเอมแล้ว เรามั่นใจว่าเอมจะต้องทำหนังออกมาให้ดีที่สุด มันท้าทายตรงที่ผู้กำกับ 6 คนแล้ว และคนๆนี้เป็นผู้หญิงอยู่คนเดียว ซึ่งมุมมองของผู้หญิงในเรื่องของเซ็กซ์กับเรื่องของอีโรติกมันแตกต่างจากผู้ชายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหนังที่ออกมามันจะละเอียดอ่อนในด้านอารมณ์ของผู้หญิง แล้วเอมตั้งใจมาก ข้าวปลาไม่กิน เครียดแบบหน้าดำคร่ำเครียดตลอดเวลา แต่ว่าพอเสร็จงานแล้วเขาก็จะถามว่า อุ้มโอเคนะ อุ้มไหวมั้ย คือเขาเป็นคนเอาใจใส่ทุกๆคนเลยนะ แล้วเขาจะเป็นห่วงเราทุกครั้ง เวลาเราจะกลับบ้าน ก่อนวางสายเขาจะบอกว่าดูแลตัวเองด้วยนะ เทคแคร์นะ เหมือนเขาก็เป็นห่วงเรา จริงๆมันก็เป็นเรื่องของการถูกชะตาซึ่งกันและกัน ซึ่งก็แปลก คนเราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่เรารู้สึกเหมือนเรารู้จักคนนี้มานานแล้ว แล้วเราก็เชื่อมั่นในฝีมือเอมว่าเอมจะทำได้ออกมาดีมากๆ
Q.เสน่ห์ของโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง1-ปรารถนา
A. เสน่ห์มันอยู่ที่ตรงความรู้สึกของผู้หญิงกับผู้ชายสองคนที่มีความรู้สึกดีต่อกันแต่ไม่ได้แสดงออกมาในเรื่องของเซ็กซ์เร่าร้อนรุนแรง แบบเจอกันจะต้องมีอะไรกัน หรือว่าจบด้วยอะไรก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของความละเอียดอ่อนของความรู้สึกของผู้หญิงกับผู้ชายที่มันเกิดขึ้น แล้วก็เสน่ห์ของถนนข้าวสารตอนกลางคืนที่มันสวย มีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายเต็มไปหมด แต่ทำไมชายหญิงสองคนนี้มันถึงเหงาๆ แล้วมันก็ไม่กล้าที่จะเปิดประตูออกไปเจอกัน ไม่กล้าที่จะสบตากันหรือพูดคุยกันทั้งๆที่ ต่างคนก็ต่างมีความรู้สึกดีให้แก่กัน เสน่ห์ของมันคือความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ที่มีความรู้สึกเหมือนๆกัน มีความต้องการเหมือนกัน แต่เลือกที่จะแสดงออกมายังไง เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องปรารถนาก็คือแรงปรารถนาที่มีทั้งสองฝ่าย มันจะทำให้แรงปรารถนาตรงนั้นดำเนินความสัมพันธ์ไปเป็นยังไง อาจจะเป็นเรื่องของอีโรติก เซ็กส์ หรือจะเป็นเรื่องของอะไรรึเปล่า ตรงนี้ มันคือเสน่ห์ของหนังที่คาดเดาได้ยาก ความคาดเดาของหนัง มันจะเป็นแบบโอ้...มันเป็นแบบนี้หรอ เฮ้ยทำไมไม่เป็นอย่างนี้ คนดูจะคาดเดาไม่ได้ว่ามันจะต้อง... เอ๊ะไม่ใช่ มันคือการพลิก มันเลยทำให้หนังดูมีเสน่ห์มาก
Q.ความรู้สึกที่มีต่อการเกิด โปรเจ็คต์อย่าง “น้ำตาลแดง”
A.มุมมองในฐานะนักแสดงในโปรเจ็คต์น้ำตาลแดงนะคะ จริงๆก็รู้สึกประหลาดใจตั้งแต่คำว่าน้ำตาลแดงแล้วว่าหนังอะไรชื่อน้ำตาลแดง และมันเป็นการวมตัวกันของผู้กำกับหนุ่มสาวหน้าใหม่ทั้ง 6 คนที่ยังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ แล้วเคยทำหนังสั้นไปประกวดเมืองนอกแล้วมันก็เหมือนเป็นการปฏิวัติทางภาพยนตร์ครั้งใหญ่ในเมืองไทยเหมือนกัน ซึ่งหนังแนวอีโรติกอาร์ตที่จะได้รับการยอมรับและจะมีการจัดเรทเนี่ยะมันยังไม่มี ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกซึ่งคำว่าอีโรติกในเรื่องนี้ก็จะมีส่วนของอีโรติกและอาร์ตเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่อยากให้คาดหวังว่าการที่ดูอีโรติกคือคุณไปดูนักแสดงแก้ผ้า อีโรติกอาร์ตมันมีอะไรมากกว่าการที่จะมาแก้ผ้า แต่มันเป็นเรื่องของอารมณ์ ของตัวละคร และความรู้สึก ซึ่งภาพโดยรวมของบทที่ถูกกลั่นกรองออกมาอย่างสวยงามจนกลายมาเป็นภาพยนตร์แนวอีโรติกอาร์ตขึ้นมาได้ เพระฉะนั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ จริงๆอยากให้ไปดูกันเยอะๆจะได้รู้ว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาทำงานในตรงนี้ เราให้โอกาสพวกเขาได้แสดงไอเดีย ความคิดและความสามารถให้เห็นว่าเป็นอย่างไร
Q “น้ำตาลแดง” ในความหมายของอุ้มคืออะไร
A.เป็นสีน้ำตาล เป็นอะไรที่ไม่ได้ปรุงแต่ง เป็นอะไรที่หอมหวนเย้ายวน เป็นอะไรที่ธรรมชาติและบริสุทธิ์ มันก็เปรียบเหมือนความรัก ความต้องการของคนเรา มันก็เป็นอะไรที่สวยงาม เป็นอะไรที่บริสุทธิ์ คนเราการที่จะรักใครสักคน รึว่าจะมีความรู้สึกดีๆที่จะอีโรติกต่อกัน มันไม่ได้จะต้องถูกประดิษฐ์หรือสร้าง หรือขัดสีออกมาให้มันดูออกมาเพอร์เฟ็กต์ ทุกอย่างมันคือความรู้สึกจริงๆจากข้างใน ก็เหมือนกับน้ำตาลแดงที่มีกลิ่นหอมเย้ายวน โดยที่เราไม่ต้องไปทำ ไปปรุงแต่งให้มันสวยงาม แต่กลายเป็นว่ามันปลอม มันก็เหมือนความรู้สึกของเราที่เรารักใครสักคนหรือเรามีความรู้สึกดีๆกับใครสักคนมันเป็นความรู้สึกที่ออกมาจากใจจริงมันไม่ได้ปลอม ไม่ได้เสแสร้งหรือว่าสร้างมันขึ้นมา
Q.ท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนๆกับ “น้ำตาลแดง” โปรเจ็คต์ภาพยนตร์ที่ผู้กำกับการันตีว่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซในการแสดงของอุ้ม ลักขณา
A. (หัวเราะ)ขอบคุณค่ะ อุ้มก็อยากจะขอฝากโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง1 เรื่องปรารถนานะคะ จริงๆแล้วอยากให้ไปชมกันเยอะๆนะคะแล้วก็บอกได้เลยว่ามันเป็นการปฎิวัติวงการภาพยนตร์ไทยครั้งใหญ่ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่อุ้มจะได้เล่นหนังในบทที่ไม่มีใครเหมือน และก็คิดว่าน้อยคนนักที่จะกล้ารับบทท้าทาย แล้วก็มันเป็นเสน่ห์ของภาพยนตร์ไทยที่ไม่อยากให้ไปยึดติดว่าอีโรติกจะต้องโป๊ จะต้องเปลือย จะต้องมีฉากเลิฟซีนที่เร้าร้อนหรือว่ารุนแรง มันเป็นเรื่องของสุนทรีย์ มันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ออกมาโดยที่เราไม่ต้องไปตั้งใจ หรือว่าเค้นมันขึ้นมาว่า มันจะต้องเป็นแบบนี้ มันเป็นอารมณ์ธรรมชาติของคนล้วนๆ แล้วก็มันเป็นอะไรที่ยากมากนะกับการที่อุ้มห่างหายจากภาพยนตร์ไปนานมากคะ ครั้งนี้จะเป็นการกลับมาเล่นภาพยนตร์อีกหนึ่งครั้งกับการพลิกบทบาท อยากให้เปิดโอกาสให้กับผู้กำกับหน้าใหม่ทั้ง 6 คน เปิดใจแล้วก็ลองมาชมกันนะคะว่าวัยรุ่นไทยสมัยใหม่ที่มีความสามารถยังมีอีกเยอะค่ะ ลองให้โอกาสพวกเขาทั้ง 6 คน จะได้รู้ว่าคนไทยเราเก่งแล้วก็มีความสามารถไม่แพ้ชาวต่างชาติเลย อย่าไปเปรียบว่าจะต้องไปเทียบกับหนังฝรั่งเรื่องนี้เรื่องนู้นนะคะอยากให้วัดกันที่มาตรฐานของความรู้สึกดีกว่า รับรองว่าพอคุณได้ชมแล้วคุณจะอิ่มเอม แล้วก็แฮปปี้กลับมาแน่ๆค่ะ ยังไงก็ฝากอุ้มแล้วก็พี่บลูมไว้ในโปรเจ็คต์น้ำตาลแดง1 เรื่องปรารถนาด้วยนะคะ วันที่ 26 สิงหาคมนี้ค่ะ