กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
โดย วิชัย ตั้งจิตวิทยา ผู้จัดการธุรกิจ Global Financing บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
เวลาแห่งการพัฒนาและปรับใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อปรับลดต้นทุนและเพิ่มเงินลงทุนให้กับโครงการที่จะช่วยสร้างความเติบโตให้แก่บริษัทได้เวียนมาถึงอีกครั้ง การปรับลดต้นทุนและเพิ่มเงินลงทุนเป็นสิ่งที่จะต้องกระทำควบคู่กัน เพราะเมื่อสามารถจัดการโครงสร้างต้นทุนของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทสามารถที่จะนำเงินส่วนที่ประหยัดได้ไปใช้ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ หรือโครงการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจใหม่ๆ ได้
แซม พาลมิซาโน ประธานและซีอีโอของไอบีเอ็ม เคยกล่าวไว้ว่า “ซีอีโอจะต้องสร้างความเติบโตและปรับลดต้นทุนไปพร้อมๆ กัน และสิ่งที่จะช่วยได้ คือ นวตกรรม”
ผลการสำรวจครั้งล่าสุดของไอบีเอ็ม โดยการสอบถามความคิดเห็นจาก ซีอีโอ 765 ท่านทั่วโลก พบว่าข้อจำกัดเรื่องเงินทุนสำหรับการลงทุนเป็นอุปสรรคสำคัญลำดับที่สองในการผลักดันนวตกรรม ขณะที่
ซีเอฟโอกำลังจะเริ่มต้นแผนงานสำหรับปี 2550 สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ควรนำมารวมไว้ในแผนงานด้วยคือ การจัดการด้านการเงินโดยใช้บริการจากบริษัทที่วางใจได้ ซึ่งจะร่วมให้คำปรึกษาทั้งด้านนวตกรรมและเทคโนโลยี
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับ 5 ประการสำหรับการมองหาเงินทุนเพื่อโครงการนวตกรรมในปี 2550
1. หากจะมีโครงการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในปี 2550 ควรจัดสรรต้นทุนให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ
ขณะนี้มีบริการต่างๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งอยู่ในระดับราคาที่ยอมรับได้มากขึ้น ควบคุมได้ง่ายขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้ได้ระบบไอทีตามที่บริษัทต้องการ การพิจารณาสินเชื่อด้านไอทีและด้านอื่นๆ ให้เหมาะสมกับข้อกำหนดทางธุรกิจ จะช่วยให้คุณและบริษัทคู่ค้าของคุณสามารถจัดสรรเงินทุนให้กับโครงการนวตกรรมได้ดียิ่งขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้บริษัทก้าวล้ำหน้าคู่แข่ง และจัดการโครงสร้างต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำเสนอนวตกรรมที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า บริษัทควรมองหาผู้ให้บริการทางการเงินที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- คิดค่าบริการไม่แพง สามารถคาดการณ์ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้อย่างเหมาะสม
- มีบริการสินเชื่อแบบครบวงจรสำหรับฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการทั้งหมด
- มีขั้นตอนการอนุมัติที่รวดเร็ว
- มีข้อเสนอที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการและข้อกำหนดทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป
- มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเป็นบริษัทที่ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
2. เงินทุนต้องไม่จมอยู่ในระบบ ด้วยการใช้เงินกู้ ลูกหนี้การค้า/เจ้าหนี้การค้า และสินค้าคงคลังมาช่วยค้ำประกันทางการเงิน
การให้กู้ยืมโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ลูกหนี้การค้า เงินกู้ สินค้าคงคลัง และสินทรัพย์ ช่วยให้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทไม่จมอยู่ในโครงสร้างของธุรกิจ เมื่อเงินทุนมีสภาพคล่อง บริษัทสามารถนำเงินนั้นไปใช้เพื่อเพิ่มสินทรัพย์ รักษาระดับทุน และช่วยให้บรรลุตามเป้าหมายการเติบโตและผลกำไร นอกจากนี้ บริษัทควรมองหาบริการเงินทุนที่มีเครื่องมือออนไลน์สำหรับการตรวจสอบวงเงินเครดิต ติดตามวันที่จ่ายชำระ เรียกดูใบแจ้งหนี้ ขอเลขที่การอนุมัติ และประมาณการลูกหนี้การค้า คุณสมบัติเพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถทำงานได้ง่าย ควบคุมและติดตามผลได้ครอบคลุมทั้งกระบวนการ
3. จัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับเงินทุนหมุนเวียน
ควรทำข้อตกลง “ขายแล้วเช่ากลับ” กับผู้ให้บริการทางการเงินด้านไอทีที่วางใจได้ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถขายอุปกรณ์ไอทีที่ซื้อมาตามราคาตลาดที่ยุติธรรม และเช่ากลับ โดยจ่ายชำระอย่างสม่ำเสมอเป็นรายเดือน ตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้มีข้อดีทางด้านเทคโนโลยีและด้านการเงิน ดังนี้
- เพิ่มปริมาณเงินสดและสภาพคล่อง เงินสดที่ได้รับจากวิธีนี้สามารถนำไปใช้ลงทุนต่อเพื่อเพิ่มผลตอบแทน หรือนำไปจ่ายชำระหนี้
- เพิ่มผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Assets - ROA) ด้วยการลดมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์
- ปรับปรุงอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์รวม ด้วยการลดมูลค่าตามบัญชีของสินทรัพย์ และการจ่ายชำระหนี้โดยใช้เงินสดที่ได้รับมา
- ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีล้าสมัยและการกำจัดฮาร์ดแวร์
- ลดโอกาสเสี่ยงจากอายุใช้งานของเทคโนโลยีที่สั้นกว่าที่คาดการณ์ไว้
- เพิ่มโอกาสปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีได้อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาการเช่า
4. ปรับปรุงวิธีจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีและการขายต่อสำหรับอุปกรณ์ที่ล้าสมัย โดยใช้บริการจากบริษัทระดับโลกที่วางใจได้
บริษัทโดยส่วนใหญ่คงต้องประหลาดใจ หากทราบว่าอุปกรณ์ที่ล้าสมัยนั้นมีมูลค่าความเสียหายมากเพียงใด นอกเหนือจากความเสี่ยงในเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลลับที่จัดเก็บอยู่ในอุปกรณ์เหล่านั้น การจัดซื้ออุปกรณ์ไอทีแบบครบวงจรจากบริษัทที่มั่นคง ซึ่งมีเครือข่ายการขายต่อที่กว้างขวางสำหรับอุปกรณ์ไอที จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เพราะเมื่อบริษัทได้รับเงินจากการขายอุปกรณ์ที่ล้าสมัยเหล่านั้น บริษัทจะสามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้ในการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี และสร้างผลตอบแทนอื่นได้ วิธีนี้จะช่วยให้บริษัทไม่ต้องกังวลกับการกำจัดอุปกรณ์ตกรุ่นนั้นอีกต่อไป โดยใช้บริการจากบริษัทรับจัดการอุปกรณ์ไอทีที่เชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการกำจัดอุปกรณ์นั้นจะปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยบริการเขียนข้อมูลทับที่มีความปลอดภัย
5. มองหาผู้ให้บริการทางการเงินที่เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยจัดการสินทรัพย์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสินเชื่อโครงการไอทีจะพิจารณามูลค่าคงเหลือของอุปกรณ์ของคุณ คำนวณต้นทุนระยะยาวและระยะสั้น โดยเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับจากโครงการ พร้อมทั้งพิจารณาวงจรการขายในระบบซัพพลายเชนของผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีของคุณ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ คุณจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ และตัดสินใจเลือกผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่เหมาะสมที่สุดกับสินทรัพย์ที่คุณมีอยู่
วิชัย ตั้งจิตวิทยา เป็นผู้จัดการธุรกิจ Global Financing ของ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย
IBM Global Financing (IGF) เป็นกลุ่มธุรกิจบริการด้านการเงินของไอบีเอ็ม IGF เป็นผู้ให้บริการระดับแนวหน้าของโลกทางด้านโซลูชั่นทางการเงินสำหรับระบบไอที ด้วยสินทรัพย์ 31,000 ล้านดอลลาร์
ทั่วโลก IGF มีบริการให้สินเชื่อโครงการ (Project Financing), สินเชื่อการค้า (Commercial Financing) และบริการฟื้นฟูสินทรัพย์ (Asset-Recovery) แก่ลูกค้าที่เป็นองค์กรขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ 125,000 รายในกว่า 40 ประเทศ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www-03.ibm.com/financing/us/
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
คุณปรีติ ประพันธ์วิทยา โทร 02-273-4418 อีเมล์ preeti@th.ibm.com