กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในวันที่ 29 สิงหาคม 2550 เวลา 18.00-21.00 น. สคร. กำหนดจัดงานมอบ “รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น” (SOE Award) ครั้งที่ 3 ณ หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.เอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความภูมิใจและขวัญกำลังให้แก่รัฐวิสาหกิจในการปฏิบัติงาน ตลอดจนทำให้สาธารณชนได้รับทราบผลงานของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัล
ทั้งนี้ การมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นประจำปี 2550 ได้แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภท จำนวนทั้งสิ้น 18 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลผลการดำเนินงานดีเด่น 2 รางวัล 2. รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น 2 รางวัล 3. รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น 4 รางวัล 4. รางวัลการดำเนินการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น 4 รางวัล และมีรางวัลชมเชยอีก 4 รางวัล และ 5. รางวัลพัฒนาปรับสถานภาพองค์กรดีเด่น 2 รางวัล ซึ่งกรรมการได้พิจารณาจากรัฐวิสาหกิจที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่ได้กำหนดไว้
ในส่วนของเกณฑ์การตัดสินรางวัลประจำปี 2550 จะมีความเข้มข้นมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงจาก 2 ปีที่ผ่านมา เดิมการตัดสินรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นจะยึดคะแนนจากระบบประเมินผลเป็นสำคัญ แต่ในปีนี้คณะกรรมการตัดสินได้เพิ่มเติมในส่วนของเกณฑ์การตัดสินขั้นสุดท้าย เช่น การตรวจเยี่ยมองค์กรหรือการพบปะผู้บริหาร (Site Visit) เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับรัฐวิสาหกิจ (Incident) การดำเนินการที่สำคัญโดยเปรียบเทียบกับองค์กรอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียง (Benchmark) เป็นต้น ซึ่งเกณฑ์ตัดสินใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นและทำให้จำนวนรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัลดีเด่นมีจำนวนลดลง
“งาน SOE Award เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นมาเพื่อต่อยอดในเรื่องของการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และตอบแทนความพยายามความสำเร็จในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ ซึ่งจากการประเมินผลภายหลังการจัดงาน 2 ครั้งที่ผ่านมา พบว่า การจัดงาน SOE Award ส่งผลให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งเกิดแรงกระตุ้น และแรงจูงใจในการดำเนินงาน ทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ สคร. จะยังคงดำเนินการจัดงานมอบรางวัลฯ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการพัฒนารัฐวิสาหกิจ และเพื่อเป้าหมายในการส่งเสริม สนับสนุนรัฐวิสาหกิจให้เกิดประสิทธิภาพ และกลายเป็นเครื่องมือของรัฐที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศต่อไป” นายอารีพงศ์ กล่าว