ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ที่ A-(tha)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 11, 2010 17:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (MBK) ที่ระดับ ‘A-(tha)’ (A ลบ(tha)) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของ MBK ในธุรกิจศูนย์การค้าและธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพมหานคร ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพจาก เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าหลักของบริษัท รวมถึงการเติบโตและความหลากหลายของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในศูนย์การค้าแห่งใหม่ บริเวณชานเมือง และโครงการโรงแรมและสนามกอล์ฟแห่งใหม่ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งที่มีปริมาณการสัญจรของผู้ใช้บริการสูง ชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักมายาวนาน และการวางตำแหน่งทางการตลาดที่มีความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากคู่แข่งขันที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งทำให้เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สามารถดึงดูดผู้เช่าและลูกค้าผู้ใช้บริการที่มีความหลากหลายได้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความเสี่ยงของ MBK จากการที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวในบางส่วนและการกระจุกตัวของรายได้จากธุรกิจหลักเพียงแห่งเดียวซึ่งได้แก่ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ธุรกิจโรงแรมและการค้าปลีกในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการลดลงอย่างมากของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สิ้นไตรมาสแรกของปี 2553 อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ฟิทช์คาดว่าธุรกิจดังกล่าวน่าจะมีการฟื้นตัวภายในสิ้นปี 2553 นี้ นอกจากนี้ MBK ยังมีความเสี่ยงจากค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากภายใต้สัญญาเช่าที่ต่ออายุออกไปซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2556 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและค่าเช่า รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินของ MBK อัตราค่าเช่าใหม่ภายใต้สัญญาเช่าที่ต่ออายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 695 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีแรกของสัญญาจากอัตราค่าเช่าในปัจจุบันที่ 85 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 6 ทุกปีจนสิ้นสุดสัญญา MBK มีแผนที่จะเพิ่มอัตราค่าเช่าที่เก็บจากผู้เช่ารวมถึงการขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว แม้ว่ารายได้รวมของ MBK จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีงบการเงิน 2553 (ก.ค. 2552 — มี.ค. 2553) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินก่อน มาอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท แต่กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (EBITDAR) กลับลดลงร้อยละ 17.3 มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท การลดลงของกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า เป็นผลมาจากอัตรากำไรต่อรายได้ที่ต่ำลงของธุรกิจข้าวและการปรับปรุงใหญ่ของ พาราไดซ์ พาร์ค ในขณะที่รายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลงเพียงร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินก่อน กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าที่ลดลงทำให้อัตราส่วนหนี้สินของ MBK ซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า โดยไม่รวมรายได้จากเงินมัดจำค่าเช่าและรายได้รับล่วงหน้า ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (Adjusted Net Debt to Last 12-month (LTM) EBITDAR) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 4.4 เท่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 จาก 4.2 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2552 (สิ้นเดือนมิถุนายน 2552) แม้ว่าจะมีกระแสเงินสดรับประมาณ 3 พันล้านบาทจากผู้เช่าที่ต่ออายุสัญญาเช่าที่สิ้นสุดลงเป็นสัญญาเช่าระยะยาวช่วยลดหนี้สินสุทธิลงบางส่วนลงก็ตาม อย่างไรก็ตาม กระแสเงินสดรับอีกจำนวน 3.8 พันล้านบาทจากการขายหุ้นของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับมาในเดือนมิถุนายน 2553 น่าจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวของ MBK ลดลงต่ำกว่าระดับ 3 เท่า ณ สิ้นปีงบการเงิน 2553 และน่าจะสามารถรักษาให้คงอยู่ในช่วง 2.5 เท่าถึง 3.0 เท่าได้ในช่วงปีงบการเงิน 2554 ถึง 2556 แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า MBK จะสามารถรักษาความยืดหยุ่นทางการเงินและสถานะทางเครดิตที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ในระยะปานกลาง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานะทางการตลาดที่มั่นคงและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการที่อ่อนแอลงและอัตราส่วนหนี้สินที่สูงขึ้น อันเป็นผลจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง หรือการลงทุนโดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมที่สูงกว่าที่คาดการณ์ อาจมีผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิต ในขณะที่การปรับขึ้นของอันดับเครดิตไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากค่าเช่าที่จะมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากภายใต้สัญญาเช่าที่ต่ออายุซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้ในอีก 3 ปีข้างหน้า หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต ตามCorporate Rating Methodology ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 หาได้ที่ www.fitchratings.com >> ฟิทช์ได้มีการปรับปรุงงานวิจัยเครดิตเกี่ยวกับบริษัทในกลุ่มประเทศในยุโรป เอเชียตะวันออกและแอฟริกา และกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกครั้งใหญ่ สามารถดูการปรับปรุงดังกล่าวได้ที่เว็บไซต์ Clear Thinking ที่ http://clearthinking.fitchratings.co.uk/Index.html ติดต่อ: สมฤดี ไชยวรรัตน์ +662 655 4762, พิมรำไพ ปันยารชุน +662 655 4752, Vincent Milton, +662 655 4755

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ