กรุงเทพฯ--28 มิ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บมจ.ธนาคารทหารไทยและ บลจ.ไอเอ็นจี ปลื้มนักลงทุนขานรับ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์” ปิดจองหน่วยลงทุนช่วง IPO สามารถระดมเงินได้ตามเป้าหมาย ชี้จุดเด่นกองทุนอยู่ที่รายได้ค่าเช่าและตั๋วหนังที่สม่ำเสมอ จาก 2 โครงการยักษ์ทั้งรัชโยธินและรังสิต ด้านที่ปรึกษาทางการเงินเชื่อว่าสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ชี้นักลงทุนสนใจจองเพียบ เหตุมั่นใจชื่อเสียงกิจการ พร้อมเดินหน้าจดทะเบียนซื้อขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของการเสนอขายหน่วยลงทุน ”กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์” ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 13-21 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า กองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากจุดเด่นและศักยภาพของทรัพย์สินที่เข้าไปลงทุนแล้ว จะเห็นถึงการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบที่สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งทำเลที่ตั้งในที่ชุมชนก็ส่งผลกับกำลังซื้อโดยตรง ทำให้โอกาสที่รายได้ค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคจากผู้เช่าจะเติบโตขึ้นจึงมีความเป็นไปได้มาก ดังนั้น จึงเชื่อว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ จะสามารถสร้างผลตอบแทนในปีแรกไม่ต่ำกว่า 8% ตามที่ได้มีการประมาณการตามสมมติฐานที่ได้รับจากที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทจัดการและผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ว่ามีความสมเหตุสมผล ซึ่งจุดนี้เองทำให้กองทุนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุน
นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่าย กล่าวว่า ตลอดช่วงเวลาการเสนอขาย IPO ปรากฏว่า มีนักลงทุนจองซื้อผ่านธนาคารทุกวันทำการ ทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อย ซึ่งให้ความสนใจอย่างมาก โดยมีการสอบถามเข้ามาที่สาขาของธนาคารเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมองเห็นโอกาสของการเติบโตของธุรกิจไลฟ์สไตล์ที่มีความต้องการหลากหลาย และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างคุ้มค่า
ขณะเดียวกัน ยังมีนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจสอบถามข้อมูลของกองทุนเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อเสียงของบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ที่จัดได้ว่า เป็นผู้นำในตลาดไลฟ์สไตล์ที่ครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 75% และสินทรัพย์ที่กองทุนนำไปลงทุน ทั้งโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกัน 2.3 พันล้านบาทต่างก็มีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง ทั้งจากการจำหน่ายตั๋วหนังและรายได้จากค่าเช่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่พลาดหวังไม่สามารถจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ ในช่วง IPO ได้นั้น สามารถที่จะลงทุนในกองทุนดังกล่าวได้ หลังจากที่กองทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มซื้อขายได้ประมาณกลางเดือนกรกฏาคม 2550 นี้
ด้านนายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อว่า การที่นักลงทุนสนใจจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ มาจากความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ซึ่งได้แก่ สิทธิการเช่าที่ดินและอาคารในโครงการเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว่า 6 ไร่ โดยมีพื้นที่ให้เช่า 28,096 ตารางเมตร ด้วยอัตราการเช่า 99.67% รวมทั้งโครงการเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ที่มีขนาดพื้นที่กว่า 14 ไร่ รวมพื้นที่ให้เช่า 15,384 ตารางเมตร ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็มทั้ง 100%
“ทั้ง 2 แห่งเป็นโครงการที่มีรายได้สูงสุดของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ และ ต้องยอมรับว่า ทั้งเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต ต่างก็มีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีกำลังซื้อมหาศาลรออยู่” นายวิชากล่าว
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
กองทุนรวมนี้ลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมูลค่าของสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์อาจลดลงตามระยะเวลาการเช่าที่เหลือน้อยลงไปทุกขณะ ซึ่งจะมีผลให้มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมลดลงตามสัดส่วนด้วย โดยผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนของเงินลงทุนเริ่มต้นและส่วนของผลตอบแทนจากการลงทุนในรูปของเงินปันผล และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมได้ลงทุนไว้ มูลค่าหน่วยลงทุนอาจลดลงจนถึงศูนย์บาทได้
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net