กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--PRdd
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังธนาคารกลางสหรัฐออกมาส่งสัญญาณว่าจะนำรายได้จากตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) และตราสารที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันของแฟนนี เม และ เฟรดดี แมคซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนแล้วนั้น ไปซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลในขณะที่ตลาดไม่ได้ตอบรับต่อท่าทีดังกล่าวในเชิงบวก นอกจากนั้นแล้วการส่งสัญญาณดังกล่าวของเฟดกลับทำให้นักลงทุนมองว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังเผชิญกับการชะลอตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ ประกอบกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดยังคงสะท้อนไปในทิศทางที่ไม่สู้ดีมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าด้วยสถานกาณ์ดังกล่าวจะเป็นแรงหนุนสำคัญของราคาทองคำให้สามารถขยับเพิ่มสูงขึ้นได้ ในฐานะเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย ในขณะที่แรงกดดันที่มีต่อเฟดให้ใช้นโยบายเชิงปริมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะมีต่อไป และจะเป็นอีกปัจจัยหนุนของราคาทองคำหากเฟดเลือกใช้วิธีอัดฉีดเงินก้อนใหม่เข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำเป็นต้องจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นพิเศษ ทั้งนี้เนื่องจากยังคงมีความเป็นไปได้ที่ทางเฟดจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมากกว่านี้หรือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อนขึ้น และแน่นอนว่ามาตรการต่างๆที่จะออกมาย่อมส่งผลกระทบต่อราคาทองคำไม่ทิศทางใดก็ทิศทางหนึ่ง
สำหรับสัปดาห์นี้ทางวายแอลจียังคงแนะนำให้นักลงทุนที่ได้ซื้อทองคำไว้แล้วให้ถือทองคำต่อไปโดยขยับเป้าหมายทำกำไรของนักลงทุนระยะกลางไปอยู่ที่บริเวณ 1,228 -1,233 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำมีการย่อตัวลงมาก่อนก็ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำเพิ่มเติม ในส่วนของกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในสัปดาห์นี้ทางวายแอลจีคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,190 — 1,243 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับแนวต้านของการเคลื่อนไหวดังตารางที่ 1
ตาราง 1: สรุปแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญในสัปดาห์นี้
แนวรับ2 แนวรับ1 แนวต้าน1 แนวต้าน2
1,190 1,205 1,228 1,243
ที่มา : YLG Bullion & Futures