กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--IR network
CEN เทิร์นอะราวด์แล้ว สะท้อนจากผลงานที่ขยายตัวอย่างโดดเด่นภายหลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/53 ขยายตัวถึง 213% และงวด 6 เดือนแรกปีนี้ขยายตัว 196% สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการขยายตัวที่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทในเครือทั้ง 4 แห่ง “วุฒิชัย ลีนะบรรจง” ประเมินแนวโน้มครึ่งปีหลังธุรกิจยังสดใส พร้อมเปรยครึ่งปีหลังมีเซอร์ไพร์แน่!!
นายวุฒิชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิทอลเอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) (CEN) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2553 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2553 ว่ามีกำไรสุทธิ 37.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213.28% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 33.36 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 60.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 196.08% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 63.08 ล้านบาท
สาเหตุที่กำไรไตรมาส 2/53 เพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ เนื่องจากบริษัทมียอดรายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 396.72 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2552 จำนวน 363.71 ล้านบาท หรือเพื่มขึ้น 9.08% ซึ่งการเพิ่มขึ้นเกิดจากการขยายตลาดรวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มของอุตสาหกรรม ที่มีการปรับตัวดีขึ้นในปี 2553
นอกจากนี้ บริษัทยังมีต้นทุนขายสินค้าและต้นทุนขายจากการรับจ้างทำของและงานโครงการ 351.62 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกัน ปี 2552 จำนวน 397.62 ล้านบาท หรือลดลง 11.52% เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมในการซื้อวัตถุดิบรวมทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลให้บริษัทมีการประหยัดจากขนาดการผลิต (economy of scale) ด้วยการจัดตั้งคณะทำงาน (steering committee) ที่ประกอบด้วยผู้บริหารของบริษัทในเครือที่มีความชำนาญในแต่ละสาขามาทำงานร่วมกันในภาระกิจดังกล่าว
“จากความมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการทำงานของคณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯทำให้วันนี้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า CEN มีอัตราการเติบโตดีขึ้นมาก เมื่อเปรียบเทียบกับภาพในอดีต ซึ่งวันนี้แตกต่างออกไป ปัจจัยพื้นฐานของ CEN เปลี่ยนแปลงไปในทุกๆด้านในทิศทางที่ดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการทำกำไรของบริษัท 4 ไตรมาสติดกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ด้านการบริหารวัตถุดิบ การเพิ่มปริมาณการผลิตและที่สำคัญคือ CEN มีการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบซึ่งผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจโดยใช้วิธีติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจึงทำให้มีกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวถึง 196.08%”
สำหรับบริษัทลูกทั้ง 4 แห่งในช่วงครึ่งแรกปี 2553 สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดย บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) สามารถผลิตสินค้าเพื่อจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า และตามแผนการดำเนินงาน บริษัท ระยองไวร์ อินดัสตรี จำกัด(มหาชน) ที่ผ่านมาทั้งในด้านของปริมาณขายและยอดขายมีอัตราการขยายตัวที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ฟื้นตัวประกอบกับการบริหารต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี บริษัท เอ็นเนซอล จำกัด ก็สามารถบริหารงานอย่างน่าพอใจโดยสามารถผลิตไฟฟ้าและพลังงานความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า และบริษัท ซีอีเอ็น-ไอเอ็มซี จำกัด ก็บริหารงานได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังว่ายังคงมีแนวโน้มที่สดใสต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกตามภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ขยายตัว ขณะเดียวกันบริษัทลูกทั้ง 4 แห่งมีการดำเนินงานในเชิงรุกมากขึ้น และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ทั้งในด้านของปริมาณขายและยอดขายเพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปกับการบริหารด้านต้นทุนวัตถุดิบให้ลดต่ำลงอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัท แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผ่านบริษัทย่อยทั้ง 4 แห่ง ผลิตเส้นลวดแรงดึงสูงใช้ในอุตสาหกรรมโรงหล่อเสาเข็มสะพาน และตึกสูง ผลิตเสาโครงเหล็กไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคมโรงไฟฟ้าสถานีย่อย และโครงสร้างเหล็กทุกชนิดผลิตกระแสไฟฟ้าและความร้อนขายให้กับอุตสาหกรรมเซรามิครับบริการเจาะอุโมงค์ใต้ดินโดยไม่ต้องเปิดหน้าดิน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : IR network
คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) Mobile 080-999-8028 e-mail : natsinee@irnetwork.co.th
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว (มิกซ์) Mobile 081-401-0226 e-mail : nattaphong@irnetwork.co.th