กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--ปภ.
คณะกรรมการอำนวยการศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2553 จัดประชุมกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2553 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมกำชับทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นลำดับแรก ตลอดจนกำหนดมาตรการเร่งด่วนเพื่อบูรณาการการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นายขวัญชัย วงศ์นิติกร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม — พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีมรสุมพาดผ่านหลายพื้นที่ และมีโอกาสสูงที่พายุหมุนเขตร้อนจะเคลื่อนตัวผ่าน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิด น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม เป็นประจำทุกปี เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2553 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสั่งการให้ปจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการฯ ในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้การอำนวยการและการประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดทำแผนเฉพาะกิจฯ ระดับจังหวัด และกำหนดระบบบัญชาการเหตุการณ์และขั้นตอนการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ สามารถนำไปปฏิบัติได้ทันทีที่เกิดภัย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดจนเตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารและโทรคมนาคมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทันที โดยเฉพาะในขณะเกิดภัย ให้สนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรค เครื่องใช้ที่จำเป็น ที่พักอาศัยชั่วคราวแก่ผู้ประสบภัยโดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการจังหวัด (งบ 50 ล้านบาท) และให้ถือเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นลำดับแรก
นายขวัญชัยกล่าวต่อไปว่า เพื่อให้การดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการดังนี้ หากเกิดสถานการณ์ภัยในพื้นที่ใด ให้หน่วยงานที่ออกให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยประสานการปฏิบัติงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และให้สนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์แจ้งเตือนภัย และเครื่องมือในการบรรเทาสาธารณภัยแก่พื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยและทุรกันดารที่มีสภาพเป็นป่าเขาและยากต่อการเข้าให้ความช่วยเหลือ ให้จังหวัดและอำเภอประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำรองเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ประสบภัยสามารถใช้ดำรงชีพได้ในระยะแรกที่เกิดภัยพิบัติ นอกจากนี้ ได้ขอความร่วมมือกรมประชาสัมพันธ์และสื่อของรัฐ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อม เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้อพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงที
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งกำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 1 — 18 และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 75 จังหวัด ให้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบ โดยจัดเตรียมเครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมสนับสนุนการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนสั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยประจำหมู่บ้านเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำ ประสานการแจ้งเตือนภัยกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทาง สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป