กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--อเบอร์ดีน
อเบอร์ดีนเชื่อมั่นเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความเห็นขององค์กรด้านเศรษฐกิจหลายๆแห่งที่คาดการณ์ตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจของเอเชียอยู่ในระดับ 7-8% ในปีนี้ รวมทั้งทางอเบอร์ดีนยังเห็นถึงแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการพึ่งพาการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่นๆ
ในส่วนของภาคธุรกิจ ได้มีผลสำรวจความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของบริษัทในเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รายได้ของธุรกิจก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกของ ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่ 1.93 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการเติบโตของธุรกิจธนาคารส่วนบุคคลและนิติบุคคล โดยรายได้กว่า 90% นั้นมาจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งประกอบด้วย เอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการเงิน ริโอ ตินโต ที่ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ มีรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นที่ 5.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 1.62 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการแร่เหล็กทั่วโลกนั้นเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สไวร์ แปซิฟิก ที่มีกำไรสูงถึง 8.91 พันล้านเหรียญฮ่องกง ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องมาจากผลประกอบการที่ดีขึ้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจสายการบิน คาเธย์ แปซิฟิก ซึ่งบริษัทดังกล่าวเหล่านี้เป็นบริษัทที่ทาง กองทุนเปิดอเบอร์ดีน แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ (กองทุนหลัก) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในเอเชียแปซิฟิค ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าลงทุน เป็นผลให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนเปิดอเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิค เอคควิตี้ ฟันด์ ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ตั้งแต่ต้นปีนั้นอยู่ที่ +6.11% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI Asia Pacific Ex Japan ที่ -2.65%
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่งและผลประกอบการที่ดีของบริษัทในภูมิภาคเอเชีย รวมไปถึงตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมยังปรับตัวไม่มากนักในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จึงมองได้ว่าตลาดหุ้นเอเชียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจในการลงทุน แต่ทั้งนี้ อเบอร์ดีนก็ยังแนะนำให้นักลงทุนกระจายโอกาสการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียเพื่อเป็นการแสวงหาโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าในตลาดหุ้นไทยเองนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีมากจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา