กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--KTAM
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) เปิดเผยว่า หลังจากปิดการเสนอ
ขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท ให้กับนักลงทุน ปรากฏว่า ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมียอดจองซื้อกว่า 1,900 ล้านบาท หรือเกินกว่ามูลค่าโครงการ 6.64% :ซึ่งกองทุน TTLPF ได้เปิดจำหน่ายเมื่อวันที่ 5 — 11 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ เข้ามาถือหน่วยในสัดส่วน 1 ใน 3 ของทั้งหมด ที่เหลือเป็นส่วนของนักลงทุนทั่วไป
“ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจลงทุนในกองทุน TTLPF จนส่งผลให้มียอดจองมากกว่าที่กองทุนกำหนดไว้ ต้องยอมรับว่า แม้ TTLPF จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในรูปแบบสิทธิการเช่า (leasehold) แต่จุดที่ทำให้ยอดจองหน่วยลงทุนของ TTLPF มีเป็นจำนวนมากนั้น เนื่องจากความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุน ซึ่งก็คือ พื้นที่บางส่วนของโครงการตลาดไท ที่เป็นตลาดกลางซื้อขายสินค้าเกษตรครบวงจร ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งในรูปแบบค้าส่งและค้าปลีก และถือเป็นผู้นำในด้านตลาดค้าส่งขนาดใหญ่ ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค มีผู้เช่าที่หลากหลาย และผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องมาตลอด โดยคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยได้ปีละ 4 ครั้ง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญ” นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ กองทุน TTLPF จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นักลงทุนที่ไม่สามารถจองซื้อได้ในระหว่างการเสนอขายหน่วยครั้งแรก (IPO) สามารถทำการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งการกำหนดการซื้อขายวันแรกนั้นทางบริษัท จะแจ้งให้ทราบต่อไป
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ บริษัทยังคงเปิดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยจะมีอายุของกองทุนที่แตกต่างกันไป ในสัปดาห์นี้ บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 15 ระหว่างวันที่ 18 - 24 สิงหาคม 2553 อายุโครงการ 1ปี 3เดือน มูลค่า 1,500 ล้านบาท มีนโยบายที่จะเน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ (Monetary Stabilization Bond หรือ Korea Treasury Bond) ทั้ง 100% โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.20% ต่อปี
ทั้งนี้ จากการประชุมล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ส.ค ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้มีการประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% โดยระบุถึงความเสี่ยงต่อแนวโน้มของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียอันสืบเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐและจีน โดยการประกาศคงดอกเบี้ยครั้งนี้ มีผลทำให้ Yield ของพันธบัตรเกาหลีใต้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปี
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังมีแนวโน้ม ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในเดือนกันยายน เนื่องจากความเห็นของธนาคารกลางเกาหลีใต้หลังการประชุมล่าสุด ได้ระบุถึงสภาวะที่ยังแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของประเทศประกอบกับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นตัวแปรหลักในการกำหนดทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป