ยกกระชับใบหน้าศัลยกรรมลบริ้วรอย...กระชากวัย !!

ข่าวทั่วไป Wednesday August 18, 2010 10:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--พี อาร์ เน็ตเวิร์ค การมีอายุมากขึ้นเป็นสิ่งที่ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนถูกเรียกว่า “พี่” อาจทำให้รู้สึกภูมิใจเพราะแสดงว่าสถานะทางสังคมถือว่าอยู่ในระดับ “ซีเนียร์” เริ่มมีประสบการณ์ แต่พอสั่งสมประสบการณ์นานๆ เข้า วัยก็เริ่มล่วงเลยผ่านจากเลข 2 เป็นเลข 3 และกลายเป็นเลข 4 ........ และยิ่งถ้ามีใครเผลอหลุดปากเรียกว่า “ป้า” ออกมาล่ะ บอกว่าได้คำเดียวเลยว่า โกรธ !!! แม้ตัวเลขของอายุจะมากขึ้น แต่ก็ไม่มีใครอยาก “แก่” โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 ถ้าเกิดส่องกระจกแล้วปรากฎ “ริ้วรอยแห่งวัย” เช่น รอยเล็กๆ ที่บริเวณหางตา ,รอยย่นที่หัวคิ้วหรือรอยยับย่นที่เกิดจากเวลาระบายยิ้มขึ้นมา รับรองว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชายก็ทนไม่ได้ และนี่คือช่วงเวลาร้อนใจสุด..สุด เพราะต้องพยายามสรรหาสารพัดวีธีมาบำบัดความแก่ เพื่อแก้ความเครียดให้กับตัวเอง ซึ่งกรรมวิธีลบริ้วรอยบนใบหน้านั้นมีสารพัดวิธีให้เลือกทำตั้งแต่ ทา พอก ฉีด ไปจนถึงการดึงหน้าและศัลยกรรม “ยกกระชับใบหน้า” กรรมวิธีใหม่ล่าสุด ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าได้คิดค้นเทคนิคและพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งไม่เพียงแค่ลบริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าเท่านั้น แต่ยังสามารถยกกระชับใบหน้า กระชากวัยให้ย้อนกลับไปดูเหมือน 10 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เปิดเผยว่า ใบหน้าเป็นส่วนเดียวของร่างกายที่มีกล้ามเนื้อเกาะติดอยู่กับผิวหนัง และเป็นอวัยวะเดียวที่มีกลไกของกล้ามเนื้อยึดติดที่ทำให้สามารถขยับผิวหนังได้ โดยการสั่งการของสมองเช่นให้ขมวดคิ้ว หัวเราะ เม้มมุมปาก เป็นต้น ซึ่งในวัยเด็ก จนกระทั่งเข้าสู่วัยสาวใต้ผิวหนังบริเวณใบหน้านี้จะเต่งตึง สดใส เนื่องจากมีคอลลาเจนแข็งแกร่งยึดโยงกัน แต่เมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนเหล่านี้จะค่อยๆ ลดน้อยลงไป ประกอบการขยับเขยื้อนใบหน้าที่ทำซ้ำๆ มาเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดร่องรอย และกลายเป็นร่องลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เรียกว่า รอยตีนกาบ้าง รอยเหี่ยวย่นบ้าง เป็นต้น “ เมื่อผิวหนังบนใบหน้า เกิดการหย่อนยานแล้ว การจะเอาอะไรมาพอกหน้า ทาหน้าแล้วให้กลับไปเต่งตึงเหมือนเก่านั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนการฉีดโบท๊อก( Botox) ฉีดคอลลาเจน ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมากเพราะไม่เจ็บ แต่ข้อเสียของโบท๊อก คือมีฤทธิ์ประมาณ 4 — 6 เดือน หลังจากยาหมดฤทธิ์แล้วต้องมาฉีดซ้ำ ซึ่งมีรายงานพบว่าการฉีดบ่อยครั้งจะสามารถยืดระยะเวลาการฉีดครั้งต่อไปให้นานขึ้นได้ แต่ถ้ามองถึงค่าใช้จ่าย วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูงและอยู่ได้ไม่นาน” ขณะที่การทำศัลยกรรม ด้วยวิธีการดึงหน้า ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้ที่ต้องการลบริ้วรอยบนใบหน้า แม้จะไม่ได้ความนิยมมากเท่ากับการเสริมจมูก ทำตาสองชั้น แต่สำหรับคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 — 60 ปีแล้ว จะเลือกการดึงหน้าเพื่อเสริมบุคคลิกภาพให้กับตัวเองเป็นหลัก “ การดึงหน้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ อายุ ถ้าอายุ 30 ปีกว่าแล้วมีรอยเล็กๆ พอมาดึงแผลก็จะเล็กและดูเป็นธรรมชาติมาก แต่ถ้าปล่อยล่วงเลยไปจนอายุ 50 ปี ผิวหน้าเหี่ยวย่นมีร่องลึกแล้ว แสดงว่าหนังส่วนเกินจะมากกว่า ทำให้การผ่าตัดมีแผลยาวมากขึ้น ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลนาน แต่อย่างไรก็ตามการดึงหน้าที่ถูกต้อง ยังมีผลพลอยได้ที่น่าสนใจมาก คือ หลังจากตัดหนังส่วนเกินให้เหลือน้อยลง ทำให้ใบหน้าเรียบตึงมากขึ้น โดยการเอาหนังไปเย็บล๊อคไว้จนแรงโน้มถ่วงโลกดึงไม่ลงนั้น ยังมีผลให้คอลลาเจนถูกสร้างขึ้นใหม่ ส่งผลให้หน้ากระชับ หน้าเด้งขึ้นอีกด้วย ” สำหรับการดึงหน้า นายแพทย์ชลธิศ กล่าวว่าประเทศไทยทำมานานแล้ว โดยวิธีเดิมใช้การดึงจากบริเวณกลางศีรษะ เพราะกรรมวิธีการเย็บและเครื่องมือยังไม่ละเอียดเท่ากับปัจจุบัน จึงต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดแผลที่หน้า แต่หลังจากผ่าตัดด้วยวิธีการดึงหนังจากกลางศีรษะแล้ว ผลคือ ทำให้หนังหน้าเขยิบตามขึ้นไป จนกลายเป็นหัวล้านเถิก ตำแหน่งบนใบหน้าผิดเพี้ยน เช่น ไรผม จอนผม คิ้ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาต่างๆ เช่น ผมร่วง หัวล้าน เส้นผมหายไปทั้งแถบ บางกรณีที่ตัดไม่ดี ถูกเส้นประสาท ทำให้คนไข้ปากเบี้ยวได้ นี่ยังไม่รวมทั้งขนาดแผลที่ค่อนข้างยาวใหญ่ทำให้แผลหายช้ามากอีกด้วย จากปัญหาที่เกิดขึ้น นายแพทย์ชลธิศ จึงได้พัฒนาเทคนิค และวิธีการใหม่ๆ รวมทั้งนำเครื่องมือทันสมัยที่เรียกว่า Micro Scopes หรือกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งสามารถทำให้เย็บแผลได้ละเอียด ไม่แทบไม่เห็นรอยแผลเป็น รวมทั้งทำให้คนไข้ได้รับความบอบช้ำน้อยที่สุด โดยกรรมวิธีนี้เรียกกว่า ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า ด้วยเครื่องมือ Micro Scopes สำหรับวิธีการทำ นายแพทย์ชลธิศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปัญหาที่เกิดกรรมวิธีแบบเดิม รวมทั้งเล็งเห็นว่า ผู้หญิงทุกคนรักและหวงแหนเส้นผมมาก ดังนั้น วิธีศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่คิดค้นขึ้นนี้ จะไม่เป็นการดึงหนังศีรษะ แต่เลื่อนจุดการดึงมาที่ใบหน้า ซึ่งเป็นการดึงหนังหน้าโดยตรงไม่ใช่ดึงหนังศีรษะอีกต่อไป ส่วนแนวในการผ่าตัดจะอยู่ที่บริเวณไรผมตั้งแต่ข้างขมับไปจนถึงบริเวณหู ซึ่งความยาวในการผ่าตัดแล้วแต่อายุและความเหี่ยวย่นของผิวคนไข้ สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งสำหรับวิธีการแบบใหม่นี้คือ เทคนิคการเย็บที่ละเอียดเรียบเนียนมาก โดยมองผ่านกล้อง Micro Scopes พร้อมเส้นไหมที่มีขนาดเล็ก บางเฉียบ ส่งผลให้การเย็บแบบใหม่นี่อยู่ทนนานเป็นสิบๆปีไม่มีหลุด รวมทั้งทำให้คนไข้ได้รับความบอบช้ำน้อยที่สุด ไม่ทำลายไรผมและจอนผม ส่วนแผลเย็บที่หลงเหลืออยู่ จะเห็นเป็นเพียงรอยขาวๆเล็กๆ ซึ่งซ่อนอยู่ตามตีนไรผม จนแทบมองไม่ออกว่าเป็นรอยแผลจากการผ่าตัดเลย” เพียงเท่านี้คุณก็สามารถกระชากวัย จากที่เคยถูกเรียก “ป้า” กลับมาเป็น “พี่” ได้อีกครั้ง กับใบหน้าที่ยกกระชับได้รูปโดยไม่ต้องวุ่นวายใจกับริ้วรอยที่จะผุดขึ้นมากวนใจ อีกเป็นสิบๆ ปีทีเดียว
แท็ก อย.  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ