กรุงเทพฯ--18 ส.ค.--เดอะ เรด คอมมูนิเคชั่น
ธุรกิจฝึกอบรมและเสริมทักษะทั้งในและนอกหลักสูตรรุ่ง หลังภาครัฐและเอกชนเทงบไม่อั้นเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร แถมรับโบนัสพิเศษสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสรรพากร ดันตลาดโตกว่า 1,000 ล้าน ล่าสุด แพน โฟ ใช้ประสบการณ์พาคนไทยเดินสายฝึกอบรมเมืองนอก เปิดตลาดเสริมทักษะและการเรียนรู้ในไทย พร้อมจัดงาน Learning Expo 2010 รวมผู้กลุ่มประกอบการ หวังสร้างทักษะและศักยภาพคนไทยแข่งตลาดโลก
นางรมยกร สุวิสิทฐ์ กรรมผู้จัดการ บริษัท แพน โฟ จำกัด เปิดเผยถึงการเติบโตของตลาดการเรียนรู้ ฝึกอบรม และเสริมทักษะทั้งในและนอกหลักสูตรของไทยว่า กำลังมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตปีละ 20 — 30% แต่ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง มาเลเซีย หรือ สิงค์โปร ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสำคัญกับการสร้างการเรียนรู้ใหม่และเพิ่มศักยภาพของบุคลากรอยู่ตลอดเวลา
สำหรับประเทศไทยตลาดของธุรกิจฝึกอบรมและเสริมทักษะขณะนี้ถือว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากองค์กรต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญ เห็นได้จากงบประมาณที่ใช้ในการฝึกอบรมและเสริมทักษะพนักงานประจำปีที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท/คน/ปี โดยกลุ่มลูกค้าที่เป็นตลาดหลักสำหรับธุรกิจนี้จะเป็นกลุ่มราชการ รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจขายตรง (MLM) และองค์กรเอกชนขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีอยู่กว่า 5 แสนบริษัท มีพนักงานรวมกันไม่ต่ำกว่า 9 ล้านคน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและเสริมทักษะพิเศษเฉพาะบุคคลทั้งในและนอกหลักสูตรยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนั้นธุรกิจฝึกอบรมและเสริมทักษะยังได้รับอานิสงค์จากการสนับสนุนของภาครัฐ ซึ่งบริษัทและองค์กรต่างๆ ที่จัดฝึกอบรมและเสริมทักษะให้แก่พนักงาน สามารถนำใบเสร็จรับเงินจากการอบรมมาแสดงเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกรมสรรพากรได้ถึง 200% และปีนี้ (2553) ภาครัฐได้จัดทำมาตรการภาษีพิเศษขึ้นเพื่อบรรเทาภาระและฟื้นฟูผลกระทบจากการชุมนุมในภาพธุรกิจท่องเที่ยว โดยค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนาภายในประเทศ ทั้งกรณีดำเนินการเองหรือกรณีใช้บริการผู้ประกอบธุรกิจฝึกอบรม สามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหักได้ 2 เท่าของต้นทุนที่จ่ายจริง 2 รอบระยะเวลาบัญชี (2553-2554) อีกด้วย
ส่วนความสนใจของบริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้ามาจัดฝึกอบรมและเสริมทักษะในประเทศไทยขณะนี้ มีจำนวนลดลงอย่างมาก เนื่องจากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความไม่มั่นใจด้านความปลอดภัยในการเดินทางมาประเทศไทย แม้ว่าประเทศไทยจะมีข้อได้เปรียบเพื่อนบ้านอยู่มาก ทั้งทางด้านความทันสมัยสิ่งอำนวยความสะดวก บริการและ ค่าใช้จ่าย สถานที่สัมมนาและสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงอุปนิสัยของคนไทยซึ่งเป็นที่ประทับใจของคนทั่วโลก ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้น หรือมีการยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าต่างประเทศจะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
จากการเติบโตและการขยายตัวของตลาดฝึกอบรมและเสริมทักษะดังกล่าว ทำให้บริษัท แพน โพ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และเป็นบุกเบิกตลาดการจัดการฝึกอบรมและเสริมทักษะทั้งในและต่างประเทศ มีแผนที่จะรุกตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการจัดงาน Learning Expo 2010 ขึ้น ระหว่างวันที่ 7-10 ตุลาคม 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อเป็นศูนย์รวมและแสดงศักยภาพของธุรกิจฝึกอบรมและเสริมทักษะในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “แหล่งรวมความรู้สู่ความสำเร็จ ที่โรงเรียนไม่ได้สอน” โดยเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ทางเลือกและรวบรวมสุดยอดมืออาชีพในทุกสาขาอาชีพ ทั้ง วิทยากร ผู้เชี่ยวชาญ สถาบันการเรียนรู้ทางเลือกและการเรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะการพัฒนาศักยภาพสู่ความสำเร็จ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายผู้เข้าชมงานนั้นจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ ฝายพัฒนาบุคคลขององค์กรต่างๆ นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไปที่สนใจการเรียนรู้ใหม่ๆ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานมากถึง 10,000 คน ต่อวัน
ภายในงานประกอบด้วยผู้เข้าร่วมออกงานกว่า 90 บูธ โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ 5 โซน อาทิ โซนการพัฒนาจิตใจและความคิดสร้างสรรค์ โซนการงาน การสร้างความสัมพันธ์และโอกาส โซนการเงินและการลงทุน โซนสุขภาพ และโซนบันเทิง นอกจากนั้นยังมีการสัมมนาในหัวข้อ “พลิกชีวิต ลิขิตความมั่งคั่ง” สำหรับผู้ต้องการค้นพบตัวตนที่แท้จริง เพื่อหาวิธีสร้างความมั่งคั่งที่ออกแบบเฉพาะตัว โดยมีวิทยากรชื่อดังเป็นผู้ให้ความรู้ประกอบด้วย คุณศุภกิจ รุ่งโรจน์ นักสร้างแรงบันดาลใจมือหนึ่งของเมืองไทย คุณตัน ภาศกรนที ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหาร โออิชิ กรุ๊ป คุณประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด หมอการเงินหนึ่งเดียวของเมืองไทย ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 955 5492-3 หรือ www.learning-expo.com