กรุงเทพฯ--12 ก.ค.--บีโอไอ
“บีโอไอ” ให้ส่งเสริมโครงการลงทุนจากนิวซีแลนด์ ย้ายฐานผลิตเครื่องซักผ้าของ FISHER & PAYKEL ซึ่งเป็นสินค้าในตลาดระดับบน รวมทั้งผลิตชิ้นส่วนอีกหลายรายการ มาลงทุนในไทย มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท พร้อมเริ่มผลิตได้กลางปี 2551 คาดสร้างรายได้จากการใช้ชิ้นส่วนในประเทศปีละ 664 ล้านบาท
นางหิรัญญา สุจินัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการได้เห็นชอบให้การส่งเสริมกิจการ ผลิตเครื่องซักผ้า เครื่องเป่าผม มอเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนโลหะ หรือพลาสติก สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ของ MR.ROGER COOPER ในนามของ บริษัท FISHER & PAYKEL ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศนิวซีแลนด์ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,634 ล้านบาท ตั้งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี
โครงการดังกล่าว เป็นการย้ายฐานผลิตหลักจากประเทศนิวซีแลนด์ มาดำเนินกิจการในประเทศไทย โดยจะเป็นการตั้งสายการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่ชิ้นส่วนโลหะ ชิ้นส่วนพลาสติก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างโรงงานและย้ายฐานการผลิตได้ภายในปลายปี 2550 และเริ่มผลิตได้ภายในกลางปี 2551
“บริษัท FISHER & PAYKEL ได้ศึกษาถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนในหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ และได้ตัดสินใจเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการลงทุน ของไทย รวมถึงต้นทุนการผลิตในไทย ที่จะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ เช่น ค่าจ้างแรงงานที่ไม่สูงนัก และความสะดวกในการขนส่ง นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่ไทยและนิวซีแลนด์ได้มีความตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนนิวซีแลนด์มีความมั่นใจที่จะลงทุนในไทยมากขึ้น“ นางหิรัญญากล่าว
สำหรับโครงการนี้ คาดว่าจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ ประมาณ 40 รายการ หรือมูลค่าปีละ 664 ล้านบาท เช่น บรรจุภัณฑ์ เม็ดพลาสติก สายไฟ แผ่นโลหะ และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น และนอกจากจะผลิตผลิตภัณฑ์ของบริษัทเองแล้ว บริษัทฯ ยังจะจำหน่ายชิ้นส่วนต่างๆ ไปให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย
ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของ FISHER & PAYKEL เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในตลาดระดับบน โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เนื่องจากมีการออกแบบที่สวยงาม ทนทาน และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลายชนิด เช่น เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ตู้เย็น เตาอบ ฯลฯ โดยมีฐานการผลิตในประเทศออสเตรเลีย อิตาลี อเมริกา และนิวซีแลนด์ และในปี 2006 มียอดขายประมาณ 28,000 ล้านบาท