กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนรวม 8 จังหวัด ได้ประสานกับจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์หมอกควันพิษแล้ว
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าปกคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเผาขยะ เผาหญ้าแห้ง จุดไฟเผาป่า และควันจากไฟป่า ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันปกคลุมในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนรวม 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา ตาก น่าน และแม่ฮ่องสอน โดยพบว่าจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน มีปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินค่ามาตรฐาน (120ไมโครกรัม/ลบ.ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชน ดังนั้น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้วางมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในภาคเหนือ โดยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตหมอกควันจังหวัด เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งได้สั่งการหน่วยงานในสังกัดประเมินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ พร้อมทั้งสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน เพื่อปฏิบัติการลดจุดไฟไหม้ในภาคเหนือ จากเดิม 800 กว่าจุด/วัน ให้เหลือเพียง 250 จุด/วัน และการฉีดน้ำในพื้นที่โล่ง การราดน้ำบนถนนในเขตชุมชน ทั้งในช่วงเช้า กลางวัน และช่วงบ่าย เพื่อลดความร้อนและให้น้ำระเหย สร้างความชื้นในอากาศลดจำนวนฝุ่นละออง อีกทั้งประสานกับทางอำเภอ/กิ่งอำเภอ/องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรและประชาชนงดเว้นการจุดไฟเผาป่า ตอซังข้าว เศษวัสดุ ขยะมูลฝอย และใบไม้แห้งในทุกพื้นที่ หากการขอความร่วมมือดังกล่าวไม่ได้ผลให้ใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังได้ประสานให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ หากประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์หมอกควันพิษ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ ได้ที่สายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป