กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่น
บลจ.ไอเอ็นจี แนะนักลงทุน ฉวยจังหวะค่าเงินบาทแข็งค่าโยกเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เน้นลงทุนยุโรป เชื่อมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่ม หลังจากขยับไปแล้วเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ส่งผลดอกเบี้ยล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) อยู่ที่ระดับ 3.75% ขณะที่ 3 ปัจจัยผลักดันตลาดยุโรปสดใส ทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากอเมริกา การบริโภคที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกขยายตัว หลังเศรษฐกิจซึมนาน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด-กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ค่าเงินบาทกำลังแข็งค่าอยู่ในขณะนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง
“การแข็งค่าของเงินบาทในขณะนี้จะเอื้อต่อการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องพิจารณาแยกตามสกุลเงินด้วย เช่น การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐยังคงมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไป ดังนั้น การลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอาจจะไม่ได้ประโยชน์เท่ากับการลงทุนในสกุลยูโร เนื่องจากในอนาคต เงินยูโรมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรปตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ระดับ 3.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา และยังคงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลให้เม็ดเงินจะไหลเข้าไปลงทุนในยุโรปมากขึ้น” นายจุมพลกล่าว
ดังนั้น การลงทุนในช่วงเวลาที่เงินบาทแข็งค่าเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ลงทุนต่ำลงแล้ว ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการลงทุนเพิ่มขึ้นหลังจากค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทในอนาคตด้วย
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจยุโรปยังนับว่ามีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพหลังจากที่ซบเซามานาน โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีประเด็นที่น่าสนใจ เช่น การเคลื่อนย้ายเงินทุนจากตลาดทุนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกามาลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากว่านักลงทุนที่ได้กำไรจากการลงทุนในตลาดสหรัฐในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากลับต้องประสบภาวะการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลล่าร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งแม้ว่า เม็ดเงินดังกล่าวจะถูกโยกเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียบ้าง แต่ความที่เอเชียเป็นตลาดเกิดใหม่ที่แม้จะให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็ทำให้ความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
นอกจากนี้ การบริโภคในประเทศแถบยุโรปเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าไปลงทุน ซึ่งแนวโน้มของการบริโภคจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ประกอบกับการส่งออกที่เพิ่มปริมาณไม่ว่าจะเป็นทั้งส่งออกไปยังกลุ่มยูโรด้วยกันเอง รวมถึงสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่ในเอเชียก็ตาม โดยสินค้าที่ส่งออกเป็นหลักอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมหนัก เช่น เครื่องจักรกล รถยนต์ ตลอดจนอุปกรณ์ก่อสร้างและอุปกรณ์การขนส่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความอ่อนไหวต่อฤดูกาลค่อนข้างน้อย และเป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนอีกด้วย
“จากเหตุผลทั้งหมด ทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุล ยูโรกำลังเป็นที่ถูกกล่าวถึง ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน ทาง บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จึงได้เปิดขาย”กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ยูโร ไฮดิวิเดนด์” โดยจะได้นำเงินลงทุนจากประเทศไทยไปแสวงหาผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคยุโรป ผ่านกองทุนต้นทางที่มีผลการดำเนินงานดีและมีแนวโน้มที่ดี โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 2,000 บาท ก็สามารถกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปได้ ซึ่งเราเชื่อว่า กองทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยจะเปิดขายไปจนถึงวันที่ 29 มีนาคมนี้” นายจุมพลกล่าว
สำหรับกองทุนดังกล่าวสามารถเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ และขายคืนได้เดือนละ 2 ครั้ง ซึ่งนักลงทุนที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. (02) 688-7777 ต่อ 7782-7789 หรือ www.ingfunds.co.th
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ : กฤติยาพร พลตรี
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
โทร. 02-643-1191 ,02-248-7967-8 มือถือ 08-9636-8414
E-mail address : c_mastermind@yahoo.com