ห้างเซ็นทรัลมั่นใจกำลังซื้อนาฬิกายังฉลุย เตรียมอัดฉีดงบ 60 ล้านบาท จัดงาน “เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอชท์แฟร์ 2010"

ข่าวทั่วไป Friday August 20, 2010 12:37 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--เอ็ม.โอ.ชิค ห้างเซ็นทรัลมั่นใจกำลังซื้อนาฬิกายังฉลุย เตรียมอัดฉีดงบ 60 ล้านบาท จัดงาน “เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอชท์แฟร์ 2010" ระหว่าง 6 กันยายนถึง 5 ตุลาคมนี้ ขนนาฬิการ่วม 180 แบรนด์ มูลค่ากว่าห้าพันล้าน ดึงกำลังซื้อ คาดยอดขายกว่า 600 ล้านบาท คุณสิริเกศ จิรกิติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสาขา บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ผู้ริเริ่มจัดงานวอทช์แฟร์เป็นรายแรกในประเทศไทย เปิดเผยในงานแถลงข่าววันนี้ ณ ห้องประชุมเตียงจิราธิวัฒน์ ชั้น 16 อาคารชิดลมทาวน์เวอร์ ว่า บริษัทได้เตรียมงบประมาณ 60 ล้านบาท จับมือกับพันธมิตรทุกค่ายนาฬิกา และบริษัทบัตรเครดิตหลักของเมืองไทย จัดงานแสดงนาฬิการะดับภูมิภาคเอเชีย “Central International Watch Fair 2010” ขึ้น ซึ่งจัดติดต่อกันมาปีนี้เป็นปีที่ 12 โดยจะเริ่มเปิดจำหน่ายรอบพรีวิววันที่ 19 ส.ค. ถึง 5 ก.ย. 53 ณ บริเวณล็อบบี้เลาจน์และโถงเปียโน ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเปิดงานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 6 ก.ย.-5 ต.ค. 53 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลลและแผนกนาฬิกา ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัชิดลม บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะทำยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท ในปีนี้บริษัทฯ ได้รวบรวมนาฬิการุ่นใหม่ๆ และเรือนพิเศษล่าสุดจากงานบาเซิลเวิลด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กว่า 180 แบรนด์ดัง สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทุกระดับ รวมมูลค่ากว่า 5 พันล้านบาทมาจัดแสดง พร้อมกับมอบสิทธิพิเศษ และส่วนลดพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการซื้อนาฬิกาที่คุ้มที่สุด ด้วยส่วนลด 10-50 เปอร์เซ็นต์ และรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 12 เปอร์เซ็นต์ จาก 10 บัตรเครดิตหลัก ส่วนลดเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์ ด้วยคะแนะสะสมจากเซ็นทรัลเครดิตคาร์ดและบัตรเครดิตไทยพาณิชย์ รับส่วนลดเพิ่มอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ด้วยคะแนนสะสม The 1 Card 3500 คะแนน และรับของสมนาคุณฟรี เมื่อช้อปฯ ครบตามเงื่อนไข ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป ถึง 3 ล้านบาท โดยสามารถเลือกรับฟรีของกำนัล หรือเลือกรับคูปองส่วนลดแทนเงินสด มูลค่าตั้งแต่ 500 บาท ไปถึง 150,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ ได้จัดสรรงบประมาณการตลาด ในการจัดงานปีนี้ จำนวน 60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำสื่อโฆษณา และประชาสัมพันธ์ รวมถึงของพรีเมี่ยมต่างๆ ที่เตรียมมามอบให้กับลูกค้าด้วย โดยตั้งเป้าว่า จะสามารถทำยอดขายได้ตลอดงานกว่า 600 ล้านบาท สำหรับนาฬิกาที่เป็นไฮไลท์ที่จะมาโชว์ในงานปีนี้ ห้างเซ็นทรัลมี Exclusive Brands ระดับโลก ที่นำมาจัดแสดงในประเทศไทย เฉพาะที่ห้างเซ็นทรัลเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ได้แก่ Anomino, Cartier, Edox, IWC, Jovial, Montblanc, Paul Picot, Perrelet, Romain Jerome, Vulcain และยังมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่นำมาเปิดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรกของเมืองไทยอีกด้วย อาทิ Gaga Milano, Maitres du Temps, Sarcar ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้นห้างเซ็นทรัลยังได้คัดสรรแบรนด์นาฬิกา มาตอบสนองทุกความต้องการของผู้ที่หลงใหลนาฬิกา ให้ได้ชื่นชมและเลือกซื้อกันอย่างจุใจ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ - กลุ่ม Luxury Brands อาทิ Audemars Piguet, Cartier, Corum, Frank Muller, Piaget ฯลฯ - กลุ่ม Hi-End Brands อาทิ Gucci, Maurice Lacroix, Montblanc, Omega, TAG Heuer ฯลฯ - กลุ่ม Mid-Range Brands อาทิ Guess, Issey Miyake, Seiko, Tendence, Toy Watch ฯลฯ ตัวอย่างนาฬิกาเรือนไฮไลท์ ที่นำมาเสนอในงานนี้ มีอาทิ... -Piaget (เพียเจต์) รุ่น LimeLight Sheika (ไลม์ไลท์ เชก้า): ตัวเรือนผลิตจากทองคำขาว 18 k ประดับเพชรหลากรูปทรง ระยิบระยับดูหรูหราสง่างาม จำนวน 550 เม็ด น้ำหนักรวม 64.70 กะรัต ทั้งนี้ สายนาฬิกาใช้เวลาเกือบ 600 ชั่วโมง ในการประดิษฐ์ด้วยความประณีต มูลค่า 50,000,000 บาท -Piaget (เพียเจต์) รุ่น Limelight Paradise (ไลม์ไลท์ พาราไดซ์): ชิ้นงานเรือนเวลามาสเตอร์พีซ “หนึ่งเดียวในโลก” ประดับด้วยโกเมนสปิเนล และแซฟไฟร์ รวมทั้งหมด 1,756 เม็ด น้ำหนักรวม 46.1 กะรัต สายดีไซน์ทรงถ้วยโคนคล้ายเกล็ดปลา ที่เป็นอิสระจากกัน ทว่าถูกเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างมีศิลปะ สามารถปรับให้โค้งงอได้ง่าย และสวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ มูลค่า 30,000,000 บาท -A.LANGE&S?HNE (เอ ลังเง่อ แอนด์ โซเนอร์) รุ่น Lange 1 Daymatic (ลังเง่อ วัน เดย์เมติค): ผลงานคอลเลคชั่นสุดคลาสสิค ที่เปรียบเสมือนเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้บรรจุกลไกการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ ตัวเรือนมีให้เลือก 3 วัสดุ ได้แก่ ทองคำ 18K คู่พื้นหน้าปัดสีแชมเปญ ทองคำชมพูคู่พื้นหน้าปัดสีเงินวาว และแพลทินัมคู่พื้นหน้าปัดสีโรเดียม ทำงานด้วยกลไกออโตเมติค เมคานิคัล: Lange calibre L021.1 ซึ่งผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Lange มีช่องหน้าต่างคู่ขนาดใหญ่ แสดงวันที่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Lange สำรองพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง หน้าปัดกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและหลัง มูลค่า 1,925,000 บาท -MAITRES DU TEMPS (แมเตรอส์ ดู ตอมป์ส) รุ่น Chapter one Round (แชปเตอร์ วัน ราวน์ด): ขณะนี้ผลิตเสร็จแล้ว 3 เรือน มีผู้จับจองไปแล้ว 2 เรือน ฉะนั้น จึงเหลือเพียง 1 เรือนในโลก ในงานนี้เท่านั้น ตัวเรือนทองชมพู 18 กะรัต หน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัลผ่านการเคลือบสารตัดแสงทั้งสองด้าน สายหนังจระเข้ พร้อมหัวเข็มขัดทองชมพู 18 กะรัต กลไกขึ้นลานด้วยมือ ทูร์บิญองหมุนรอบ 1 นาที จับเวลาโดยสัมผัสแบบปุ่มเดียว แสดงวันที่และเวลาประเทศที่สองโดยเข็มตีกลับ แสดงวันประจำสัปดาห์ แสดงการโคจรของดวงจันทร์ตามปฏิทินจันทรคติ มูลค่า 20,000,000 บาท -SARCAR (ซาการ์) รุ่น The Twist (เดอะ ทวิสต์): นาฬิกาเรือนหรูที่ผนวกนวัตกรรมนาฬิกาข้อมือในโลกอนาคต นำเสนอความงามอันโดดเด่น ด้วยเพชรเม็ดงาม 1 กะรัต ล่องลอยอยู่ท่ามกลางหน้าปัดแบบเข็ม บนตัวเรือนทองแท้ฝังเพชร โดยเพชร 1 กะรัต ที่ลอยอยู่บนตำแหน่ง 12 นาฬิกา สามารถหมุนได้รอบทิศ เพียงขยับข้อมือไม่กี่องศา ประกายงามหลากสีจากเพชร จะเจิดจรัสให้ผู้พบเห็นตกตะลึง มูลค่า 17,000,000 บาท สำหรับเทรนด์นาฬิกาในปีนี้ คุณสิริเกศ เผยว่านาฬิกาทั้งสำหรับชายและหญิงแบบตัวเรือนใหญ่ เป็นแบบที่ได้รับความนิยมสูง ขณะที่นาฬิกาที่เป็นเครื่องทูร์บิญองก็ได้รับความนิยมสูงขึ้นในหมู่นักสะสมนาฬิกา เพราะถือว่าเป็นเครื่องที่ดีที่สุด นอกจากนี้ คุณสิริเกศ ยังเปิดเผยด้วยว่า “ความต้องการของสินค้านาฬิกาในเมืองไทยยังเติบโตต่อเนื่องเราพบว่ายอดขายของแผนกนาฬิกาที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาในไตรมาสที่สอง เติบโตถึง 8% มากกว่าเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 5 เปอร์เซ็นต์” คุณสิริเกศกล่าวและว่า ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของกำลังซื้อสินค้านาฬิกาอีกอย่างหนึ่งก็คือ จากตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์พบว่า มูลค่าการนำเข้านาฬิกาของประเทศไทยในระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ ได้เพิ่มขึ้นถึง 9.33 เปอร์เซ็นต์จาก 5,896 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็น 6,446 ล้านบาท ในปีนี้ “เราเชื่อมั่นว่า กำลังซื้อนาฬิกาในไทยจะยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมในการสวมใส่นาฬิกาเปลี่ยนไป คนไม่ได้ซื้อนาฬิกาเพื่อเป็นแค่เครื่องบอกเวลาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ตัวหนึ่งของชีวิต และเป็นเรื่องของแฟชั่น โดยเฉลี่ยแล้วคนหนึ่งจะมีนาฬิกา 3-4 เรือน นอกจากนี้ราคานาฬิกาในเมืองไทยมีระดับราคาให้ลูกค้าเลือกหลากหลาย รวมทั้งผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้นจากโปรโมชั่น ทั้งได้รับส่วนลดจากห้างและส่วนลดเพิ่มจากบัตรเครดิต แล้วยังได้รับของสมนาคุณอีก นอกจากนี้คนที่ซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนยังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปีอีกด้วย” คุณสิริเกศกล่าวและว่า ที่สำคัญราคานาฬิกาในเมืองไทยยังดึงดูดลูกค้าต่างชาติอีกด้วย เพราะภาษีนำเข้านาฬิกาในเมืองไทยแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ลูกค้ายังสามารถนำไปเคลมภาษีมูลค่าเพิ่มได้ถึง 7 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุที่ตลาดนาฬิกาของเซ็นทรัลเติบโตดีกว่าที่คาดได้ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางห้างได้ปรับนโยบายการตลาดของแผนกนาฬิกาใหม่ โดยนอกจากจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดในระดับประเทศแล้ว บริษัทยังเพิ่มกิจกรรมการตลาดเพื่อโปรโมทนาฬิกาในสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ได้เน้นเฉพาะในสาขาใหญ่ๆ เท่านั้น เชิญสัมผัสสุดยอดศิลปะแห่งกาลเวลา คอลเลคชั่นใหม่ที่สุด พร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดในงาน “Central International Watch Fair 2010” โดยจะเปิดจำหน่ายรอบพรีวิววันนี้ถึง 5 ก.ย. 53 ณ ล็อบบี้เลาจน์ ชั้น 1 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเปิดงานอย่างเป็นทางการวันจันทร์ที่ 6 ก.ย. ไปจนถึงวันอังคารที่ 5 ต.ค. 53 เวลา 10:00-22:00 น. ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-513-9784 บ.เอ็ม.โอ.ชิค จำกัด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ