กรุงเทพฯ--2 มี.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์,
กรุงเทพฯ — บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งภายใต้แบรนด์ “พรานทะเล” ตอกย้ำผู้นำอาหารทะเลครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย เผยยอดขายปี 2549 ฉลุยกว่า 750 ล้านบาท เตรียมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลในทุกรูปแบบอีกไม่น้อยกว่า 100 เอสเคยู พร้อมจับมือเทสโก้โลตัส และเซเว่น อีเลฟเว่น เจาะตลาดอาหารประเภทชิลล์ เร่งหาบริษัทพันธมิตรต่างชาติ ร่วมขยายฐานอาหารแช่แข็งทั่วเอเชีย พร้อมกระจายจุดจำหน่ายให้เข้าถึงผู้บริโภคถึง 6,500 จุดทั่วประเทศ ลั่นสิ้นปีนี้มียอดขายไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท
นายธงชัย ธาวนพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในสิ้นปี พ.ศ. 2549 มียอดขายรวมกว่า 750 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 36% จากปี พ.ศ.2548 ที่ผ่านมา แยกเป็นสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งประเภทต่างๆ ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง 250 ล้านบาท หรือประมาณ 30.33% อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทาน 230 ล้านบาท หรือประมาณ 30.67% ซูชิ 250 ล้านบาท ประมาณ 33.33% และหมวดอื่นๆ เช่น ไส้กรอก ของหวานและคุกกี้อีก 20 ล้านบาท หรือประมาณ 2.67% นับเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตรงตามทิศทางที่ได้วางไว้ และได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในปี พ.ศ.2550 นี้ มูลค่า 1,000 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นเพราะพรานทะเลได้ใช้กลยุทธ์ในการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคตลอดเวลา เช่น ในปีที่ผ่านมา ได้นำเสนออาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทานใหม่ในกลุ่มมื้อเช้าและกลางวัน เพิ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม ‘ข้าวหน้าปลาไหลย่างและข้าวแกงกะหรี่ทูน่า’ หรืออาหารกลางวันที่มีรสจัดจ้านมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังเปิดบริษัทร่วมทุนกับประเทศญี่ปุ่น ‘เคแอนด์ยู เอ็นเตอร์ไพรซ์’ เพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นส่งออกประเภทซูชิและซาซิมิ นอกจากนั้นยังนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อาหารทะเลใหม่ เช่น ซาลาเปาซีฟู้ด โจ๊กซีฟู้ด เกี๊ยวกุ้งน้ำ ขนมหวานพรานไพร จึงทำให้ธุรกิจของพรานทะเลเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะสามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคได้ตลอดเวลา
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า แผนการตลาดของพรานทะเลในปี พ.ศ.2550 จะยังคงมุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพร้อมปรุงและพร้อมทานมากขึ้นต่อไป ถือเป็นการสร้างสีสันและลูกเล่นให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งเน้นการตอกย้ำความมั่นใจในตัวผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคผ่านการทำกิจกรรมการตลาดและขยายช่องทางจำหน่ายมากขึ้น
“ในปีนี้ พรานทะเลจะมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกไม่น้อยกว่า 100 เอสเคยู ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์พรานทะเลมีทั้งหมด 450 เอสเคยู โดยล่าสุดเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในหมวดของอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง เช่น ปลาทะเลในแถบน่านน้ำทะเลแดง กุ้งขาวแบบผ่าผีเสื้อ ปลาน้ำจืด เป็นต้น ส่วนอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทานเตรียมเพิ่มเมนูอาหารใหม่โดยได้ร่วมมือกับร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในแต่ละภูมิภาค ร่วมกันผลิตอาหารทะเลแช่แข็งที่มีรสชาติตามแบบต้นฉบับขนานแท้ ในไตรมาสแรกคาดว่าจะสามารถเพิ่มเมนูใหม่อีกประมาณ 3-4 เมนู และบริษัทยังได้รับผลิตอาหารประเภทชีล (Chill) ให้กับเทสโก้ โลตัส 30 เมนู ภายใต้แบรนด์ “เทสโก้ เรดดี้ มีล” และผลิตอาหารชิลล์ให้กับแบรนด์ “อีซี่โก” ของเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน 3 เมนู คาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถทำรายได้ให้กับบริษัทประมาณ 20 กว่าล้านบาท ในปีนี้
นายอนุรัตน์กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันได้ขยายฐานการตลาดใหม่ๆ ออกไปยังกลุ่มผู้บริโภคโดยเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ “อาหารทะเลแบบแห้ง” (Dry Seafood) เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และน่าสนใจ ปัจจุบันมูลค่าตลาดของอาหารทะเลแบบแห้งมีมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นต่างจังหวัด 700 ล้านบาท และส่วนของโมเดิร์นเทรด 300 ล้านบาท โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2550 นี้ จะสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดโมเดิร์นเทรดได้อีกประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วย สินค้าแห้งหลายรายการ เช่น ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 80 -120 บาท/แพ็ค
ทางด้านช่องทางการจัดจำหน่ายเน้นกระจายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภค โดยในขณะนี้มีจุดจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 5,700 จุด แบ่งเป็นร้านค้าเล็กในแหล่งชุมชนต่างๆ โมเดิร์นเทรด คอนวีเนี่ยนสโตร์ และมินิมาร์ท จำนวน 5,500 สาขา และคาดว่าในปีนี้จะสามารถขยายจุดจำหน่ายได้ถึง 6,500 จุด
นอกจากนี้ พรานทะเล ยังได้เตรียมขยายตลาดเพื่อการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและสิงค์โปร์ในรูปแบบของอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุงและพร้อมทาน ด้านประเทศซาอุดิอาระเบียได้เตรียมวางแผนพัฒนาร้านอาหารทะเลภายใต้เชนของ ‘พรานทะเล ฟาสต์ซีฟู้ด’ ล่าสุดบริษัทได้ส่งทีมทำการสำรวจและวิจัยตลาดในประเทศจีน ไต้หวัน มาเลเซีย เพื่อหาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจร่วมกันในอนาคตต่อไป
โดยเฉพาะการสำรวจและวิจัยตลาดในประเทศจีนนั้น ความเป็นไปได้ในการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนได้เดินทางมาเมืองไทยและได้เห็นตัวอย่างผลิตภัณฑ์พรานทะเล โดยเฉพาะซูชิ จึงมีความสนใจที่จะต้องการให้พรานทะเลไปเปิดตลาดในประเทศจีน เพราะขณะนี้คนจีนให้ความสนใจในอาหารญี่ปุ่นมากถึงขนาดเข้าคิวจองร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างแน่นขนัด แต่ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นในประเทศจีนยังมีจำนวนน้อยมากซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค ซึ่งถือเป็นโอกาสของพรานทะเลที่จะเข้าไปเจาะตลาดในส่วนนี้ โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถดำเนินการได้ภายในปีนี้ โดยลงขายที่ปักกิ่งเป็นจุดแรก
“ด้วยการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกอย่างต่อเนื่องในปีนี้ พร้อมการทำกิจกรรมการตลาดทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณ 20 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่สด สะอาด ได้มาตรฐาน ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า พรานทะเลจะสามารถสร้างยอดขายไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในปีนี้” นายอนุรัตน์ กล่าว
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216 มือถือ 081-586-2813 หรือ
คุณรัตติกาล ตะโกเมือง (เจี๊ยบ) โทร. 02-204-8214 มือถือ 081-986-6733
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net