กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
นักแสดงหนุ่ม หยวน นิธิชัย ยศอมรสุนทร ลูกกตัญญูปี 2553 และมีความผูกพันกับมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นอย่างมาก เพราะคุณพ่อได้เข้าไปช่วยงานที่มูลนิธิฯ ตั้งแต่หนุ่มหยวนยังเล็กๆ จึงทำให้รู้ว่ามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเป็นองค์กรการกุศลที่เก่าแก่อยู่คู่กับสังคมไทยจวบจนทุกวันนี้ แต่ภาพลักษณ์ที่ทุกคนเข้าใจนั้นว่ามูลนิธิฯ มีภารกิจแค่เก็บศพเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่ได้เป็นมูลนิธิฯเก็บศพ แค่เพียงอย่างเดียว ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่ทำเพื่อสังคมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสาธารณกุศล ช่วยเหลือสังคมอีกหลายด้าน ทั้งด้านสังคมสงเคราะห์ สวัสดิการสังคม การศึกษา และการสาธารณสุข พอโตขึ้นหนุ่มหยวนจึงเข้าไปเป็นอาสาสมัครศิลปิน ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพื่อช่วยเหลือสังคม
พอได้เข้ามาเป็นอาสาสมัครศิลปิน คลุกคลีกับ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ก็ทำให้หนุ่มหยวน ค้นพบ คลินิกแพทย์แผนจีน สังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งเป็นการแพทย์ทางเลือกที่รักษาด้วยวิธีการแบบแผนจีนโดยแพทย์ชาวจีน ที่ได้เปิดขึ้นเพื่อเป็นการแพทย์ทางเลือกให้กับผู้ป่วย หลังจากที่ได้ยินคุณแม่บ่นว่าเป็นเส้นเลือดขอด จึงได้พามารักษาที่นี่ พอมาถึงคลินิกแพทย์แผนจีน หนุ่มหยวนก็กรอกประวัติผู้ป่วยใหม่ให้กับคุณแม่ จากนั้นก็พาคุณแม่ไปชั่งน้ำหนัก และวัดความดัน ก่อนเข้ารับการตรวจระหว่างนั่งรอที่หน้าห้องตรวจหนุ่มหยวนก็ได้หอมแก้มคุณแม่เพื่อแสดงความรักและให้กำลังใจคุณแม่ เมื่อเข้าห้องตรวจ คุณแม่ได้ถูกทำการแมะ (จับชีพจร) ซึ่งเป็นวิธีการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ชาวจีน คุณหมอบอกอาการของคุณแม่ให้หนุ่มหยวนฟัง โดยมีคุณสุวัฒน์ ลี้ชาญกุล รองผู้อำนวยการ คลินิกแพทย์แผนจีน เป็นล่ามแปลในการตรวจร่างกายครั้งนี้ แต่ก็ทำให้ทุกคนทึ่งในตัวหนุ่มหยวน ก็เพราะหนุ่มหยวนฟังและพูดภาษาจีนพอได้ จึงทำให้การสื่อสารกับคุณหมอเป็นไปอย่างราบรื่นและสนุกสนาน ซึ่งโดยปกติแล้วในแต่ละห้องตรวจจะมีล่ามคอยแปล นั่งอยู่ข้างๆ คุณหมออยู่แล้ว จึงทำให้ผู้ป่วยสบายใจในการเข้ารับการรักษา เข้าใจอาการป่วยของตัวเองและวิธีปฏิบัติหลังเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง หลังจากคุณหมอแมะเสร็จแล้ว ก็ขอตรวจที่เท้า เพื่อดูอาการเส้นเลือดขอดที่คุณแม่หนุ่มหยวนบ่นให้ได้ยิน และสั่งยาให้นำกลับไปทานด้วย ยาจีนต้ม
หนุ่มหยวนถึงกับสงสัย ว่าใช้วิธีต้มยาจีนอย่างไร เพราะส่วนใหญ่ใครๆ หลายคนคิดว่าการที่เอายาจีนมาต้มนั้นคงต้มด้วยหม้อดิน แต่ที่คลินิกแพทย์แผนจีน สังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แห่งนี้ ใช้วิธีต้มยาด้วยหม้อต้มยากำลังแรงอัดสูง เพราะที่นี่เป็นคลินิกที่ทันสมัย เลยไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาด และกรรมวิธีการผลิตยาเลย หลังตรวจร่างกายเสร็จ คุณแม่และหนุ่มหยวนลงไปดูห้องยาจีน และห้องต้มยาจีนเพื่อให้คลายความสงสัย ห้องยาจีนและห้องต้มยาจีนจะมีระบบรักษาความปลอดภัยสูง และห้องยาจีนจะเก็บสมุนไพรยาจีนอย่างดี โดยจะมีแพทย์ชาวจีนคอยกำกับดูแลในการจัดยาให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างดี ส่วนห้องต้มยาจีนเมื่อได้ยาจีนที่จัดโดยแพทย์ชาวจีนเพื่อต้มให้กับผู้ป่วยผ่านลิฟท์ส่งยา จากนั้นนำมาต้มด้วยหม้อต้มยาจีนกำลังแรงอัดสูง เมื่อต้มยาเสร็จก็จะแพ็กยาลงไปในถุงที่ปิดผนึกอย่างดี เพื่อที่สามารถนำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้ทานจนหายป่วย โดยไม่ต้องกลัวว่ายาที่ต้มไปนั้นจะเสียเลย
จากนั้นระหว่างรอยาต้ม หนุ่มหยวนจึงพาคุณแม่ ไปศูนย์ฟอกไตของโรงพยาบาลหัวเฉียว สังกัดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์ฟอกไตเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รักษาโรคไตเรื้อรังให้แก่ผู้ยากไร้ และระหว่างทางเดินไปที่โรงพยาบาล หนุ่มหยวนก็ได้พูดคุยกับคุณแม่เลยทำให้รู้ว่าคุณแม่เคยมาที่นี่มาก่อน เพราะคุณแม่เคยมาตอนที่คลอดหนุ่มหยวนนั่นเอง พอมาถึงหนุ่มหยวนได้เข้าให้กำลังใจผู้ป่วยโรคไต และร่วมบริจาคเงินในการซื้อเครื่องฟอกไต เนื่องด้วยโรงพยาบาลยังต้องการเครื่องฟอกไต เพื่อให้เพียงพอกับผู้ป่วยที่เข้ารับการฟอกไต เพราะโรงพยาบาลหัวเฉียวเป็นโรงพยาบาลเอกชน แม้จะใช้สิทธิ์บัตรทอง บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรข้าราชการ แล้วก็ตาม แต่ค่าการฟอกไตมีค่าใช้จ่ายสูง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งซึ่งเน้นช่วยเหลือสังคมจึงได้เข้ามาให้การสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ป่วยโรคไตเสียค่าใช้จ่ายแบบน้อยที่สุด และมีผู้ป่วยโรคไตเข้ารับการฟอกไตเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เครื่องฟอกไตมีไม่เพียงพอกับการรักษา
ถือเป็นลูกกตัญญูตัวอย่างจริงๆ สำหรับหนุ่ม หยวน- นิธิชัย ยศอมรสุนทร ที่พาคุณแม่ไปตรวจร่างกาย และยังไปร่วมบริจาคเงินซื้อเครื่องฟอกไต พร้อมให้กำลังใจผู้ป่วยโรคไตด้วย อีกหนึ่งอย่างที่น่ายกย่องคือจิตอาสาที่ช่วยเหลือสังคม ซึ่งทำด้วยใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ด้วยการเป็นอาสาศิลปิน ในมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง