กทม. แจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับพายุฝนฟ้าคะนองปลาย ส.ค. นี้

ข่าวทั่วไป Friday August 31, 2007 16:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--กทม.
รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลง เกิดฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง สถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน กรุงเทพมหานครจึงขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมเพื่อลดภาวะอันตรายอันเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนองในช่วงปลายเดือน ส.ค. - ต.ค. ดังนี้ คือ กรณีพบเหตุความเสียหายอันเกิดจากพายุฝนฟ้าคะนอง เช่น ป้ายโฆษณาพัง ต้นไม้ล้ม หรือเสาไฟฟ้าโค่นหักให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีที่หมายเลข 199 ขณะเกิดพายุฝนผ้าคะนองควรอยู่ภายในอาคารบ้านเรือนที่มีความมั่นคงแข็งแรง และปลอดภัยจากน้ำท่วมจนกว่าสถานการณ์จะยุติ หากอยู่ในตึกหรืออาคารสูงหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ขึ้น-ลง ควรใช้บันไดแทนเนื่องจากอาจเกิดไฟดับ ทำให้ ติดค้างอยู่ในลิฟต์ได้ หากอยู่ที่โล่งแจ้งไม่ควรเข้าไปใต้ต้นไม้ยืนต้น หรือเพิงที่อยู่โดเดี่ยว ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งทันทีเนื่องจากพื้นที่ที่เปียกจะเป็นสื่อและเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่ามากขึ้น
นอกจากนี้ควรอยู่ห่างจากวัตถุที่เป็นสื่อไฟฟ้าทุกชนิด เช่น ลวด โลหะ ท่อน้ำ แนวรั้วบ้าน รถจักรยาน เครื่องมืออุปกรณ์ทำสวน รางรถไฟ ต้นไม้สูง ต้นที่อยู่เพียงต้นเดียวในที่โล่งแจ้งและไม่ควรใส่เครื่องประดับโลหะ เช่น ทองเหลือง ทองแดงในที่โล่งแจ้ง หรือถือวัตถุโลหะในขณะที่เกิดฝนฟ้าคะนอง เพราะวัตถุดังกล่าวจะเป็นตัวล่อให้เกิดฟ้าผ่าลงมาที่ตัวเรา หรือบริเวณใกล้เคียงเราได้ ควรถอดปลั๊กไฟฟ้าสายอากาศโทรทัศน์และวิทยุ งดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ และงดใช้โทรศัพท์ชั่วคราว ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพราะฟ้าอาจจะผ่าลงยังสายอากาศโทรทัศน์และสายโทรศัพท์ก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเราได้ ตรวจสอบสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายนอกบ้านให้อยู่ ในสภาพที่มั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยเสมอ โดยเฉพาะสิ่งที่อาจจะหักโค่นหรือพังลงมา เช่น ป้ายโฆษณา เป็นต้น ตลอดจนดูแลต้นไม้ภายในบ้าน หากมีต้นไม้ใหญ่ควรตัดแต่งกิ่งไม้ให้โปร่งอยู่เสมอ เพื่อมิให้เกิดการโค่นล้มเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน หากพบเห็นกิ่งไม้ที่ไม่แข็งแรงหรือพาดอยู่บนสายไฟ หรือพบเห็นสิ่งปลูกสร้างใดๆ ที่ไม่แข็งแรง ให้รีบโทรแจ้ง 199 หรือแจ้งสำนักงานเขตท้องที่ เพื่อดำเนินการแก้ไข มิฉะนั้นหากเกิดเสียดสีกันอาจจะทำให้เกิดสายไฟไหม้ หรือหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดจนเกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปยังอาคารบ้านเรือนประชาชนได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ