กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--พม.
เมื่อวันที่ ๒๐ ส.ค.๒๕๕๓ เวลา ๑๗.๐๐ น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พม. ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) แถลงข่าวจับกุมนางดวงกมล สอดส่องกฤษ อายุ ๔๖ ปี หนึ่งในเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ข้ามชาติที่หลอกลวงหญิงไทยไปบังคับค้าประเวณี ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
นายอิสสระ กล่าวว่า จากกรณีที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ได้รับการร้องเรียนจากหญิงไทย ๑๙ คน ว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวบังคับให้ค้าประเวณีในสถานบริการแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาทางตำรวจอบูดาบีได้เข้าทำการช่วยเหลือหญิงไทยทั้งหมด และส่งตัวกลับประเทศไทยนั้น พม.ได้ประสานงานมายัง บก.ปคม.ขอความร่วมมือสืบสวนในกรณีดังกล่าว โดยจากการสอบสวน นางสาว ก (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหาย ที่ถูกนางดวงกมล ซึ่งประกอบอาชีพสอนนวดแผนไทย และเป็นวิทยากรสอนนวดแผนไทย เอเย่นต์รายใหญ่เครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ร่วมกับพวกอีก ๖ คน หลอกลวงส่งไปให้กับกลุ่มเครือข่ายค้ามนุษย์ โดยนางดวงกมล ได้ชักชวนนางสาว ก (นามสมมุติ) กับพวกไปทำงานนวดสปา ที่เมืองอาดูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยหลอกลวงว่ามีรายได้ขั้นต่ำ ๖๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน แต่เมื่อนางสาว ก (นามสมมุติ)ได้เดินทางไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง แล้วนำตัวไปกักขังโดยคนไทย ๖ คน คนจีน ๓ คน ยึดพาสปอร์ตและบังคับให้ค้าประเวณี จ่ายเงินวันละ ๓๐๐ ดีแฮม ต่อมานางสาว ก ได้แอบโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทย ณ เมืองอาบูดาบี และสถานทูตก็ได้ประสานให้ทางตำรวจอบูดาบีเข้าไปช่วยเหลือหญิงไทยและได้ดำเนินการส่งตัวกลับประเทศไทยได้ทั้งหมด
นายอิสสระ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินคดีกับนางดวงกมล นั้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานางดวงกมลในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปทำการค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยเป็นกระทำเพื่อให้ผู้เสียหายที่ถูกพาเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรตกอยู่ในอำนาจของผู้อื่นโดยมิชอบด้วยกฏหมาย ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี ไม่ว่าการกระทำต่างๆอันประกอบด้วยความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภ่ายนอกราชอาณาจักรโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญหรือข่มขืนใจด้วยวิธีอื่นใด ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีการข่มขืนใจด้วยวิธีการอื่นและร่วมการหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดๆให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพทางด้านร่างกาย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก ๕ คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานขยายผล และขออนุมัติออกหมายจับเพื่อทำการจับกุมตัวมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งประสานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป