กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--ตลท.
บริษัทจดทะเบียนใน mai ประกาศผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2553 มีกำไรสุทธิรวม 1,236 ล้านบาท บริษัทที่มีผลกำไรมีถึง 50 บริษัท คิดเป็น 81% ของบริษัททั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ที่ผ่านมา
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 62 บริษัท นำส่งงบการเงินงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 มีกำไรสุทธิรวม 1,236 ล้านบาท และมียอดขายรวม 26,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% และ 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่ไตรมาส 2 ปี 2553 มีกำไรสุทธิรวม 715 ล้านบาท ลดลง 9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่มียอดขายรวมอยู่ที่ 13,299 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปีจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงภายในประเทศ รวมทั้งปัญหามาบตาพุดที่ยังไม่คลี่คลาย แต่ภาพรวมบริษัทจดทะเบียนยังคงรักษาระดับของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นเอาไว้ได้เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทที่เน้นการส่งออกมีผลการดำเนินงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่กลุ่มบริษัทที่มีรายได้หลักจากงานโครงการมีการชะลอหรือเลื่อนงาน ทำให้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
“จากวิกฤตการเงินโลกซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่กลางปี 2551 พบว่า สัดส่วนจำนวนบริษัทที่ได้รับผลกระทบและมีผลขาดทุนมีแนวโน้มลดลง จากจุดสูงที่สุดในไตรมาส 4/2551 ที่ 33% ของบริษัททั้งหมด ลดลงมาอยู่ที่ 19% ของบริษัททั้งหมดในไตรมาส 2 ปี 2553 และยังเป็นระดับที่กลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต ซึ่งแสดงถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เด่นชัดขึ้น โดยบริษัทที่สามารถพลิกจากขาดทุนในไตรมาส 2/2552 กลับมากำไรในไตรมาส 2 ของปีนี้ได้มีถึง 8 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ บมจ. ชูไก (CRANE) บมจ. เด็มโก้ (DEMCO) บมจ. อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น (IRCP) บมจ. ไทยฮา (KASET) บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) บมจ. พรพรหมเม็ททอล (PPM) บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL) บมจ. ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม (TIES) ” นายชนิตรกล่าว
นอกจากนี้ ในจำนวนบริษัทที่มีกำไรสุทธิ พบว่ามี 8 บริษัทที่ผลการดำเนินงานโดดเด่นในครึ่งปีแรกและในไตรมาสที่ 2 ของปี 2553 โดยมีกำไรสุทธิ (ไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุน) และยอดขาย เติบโตขึ้นจากช่วงก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) บมจ. ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ (CYBER) บมจ. อีเทอร์นิตี้ แกรนด์ โลจิสติคส์ (ETG) บมจ. แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ (HTECH) บมจ. เกียรติธนา ขนส่ง (KIAT) บมจ. มุ่งพัฒนา อินเตอร์แนชชั่นแนล (MOONG) บมจ. เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) และ บมจ. ทาพาโก้ (TAPAC) โดยทั้ง CYBER และ HTECH มีการเติบโตของกำไรสุทธิ และยอดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่าเท่าตัวอีกด้วย
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 63 บริษัท ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2553 ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 252.92 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 49,172.61 ล้านบาท ผู้ลงทุนที่สนใจข้อมูลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน mai สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ www.set.or.th และ www.settrade.com หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ S-E-T Call Center โทร 0 2229 2222
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. S-E-T Call Center 0-2229-2222