กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย)
บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือที่รู้จักในชื่อ Real Estate Investment Trusts (REITs) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมไปถึงประเทศไทย
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งสิ้น 13 กองด้วยกัน ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวม 41.1 พันล้านบาท
นายอรรณพ แสงประสิทธิ์ กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายประเมินราคาทรัพย์สินของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ได้ให้ความเห็นว่า “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและก่อให้เกิดสภาพคล่องในทรัพย์สินที่เคยขาดสภาพคล่องในอดีต และเป็นต้นทุนที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับการกู้เงินจากสถาบันการเงินโดยทั่วไป”
ผู้ประกอบการมีความนิยมในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากสามารถคงสัดส่วนในการเป็นเจ้าของในอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ ในขณะเดียวกันก็สามารถแปลงทรัพย์สินดังกล่าวเป็นเงินทุนเพื่อที่จะนำไปใช้ในโครงการอื่นได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการก็ยังคงสามารถบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวต่อไป
นักลงทุนนิยมลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีสภาพคล่องค่อนข้างสูงและสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งง่ายกว่าการซื้อขายทั้งโครงการ ทั้งยังสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล
แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีข้อจำกัดที่ว่าไม่สามารถขอสินเชื่อได้ เม็ดเงินลงทุนที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่จำเป็นต้องผ่านมติของผู้ถือหุ้นที่มีจำนวนมาก ซึ่งทำให้การเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ทำได้ยากลำบากมากขึ้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน จะสามารถเข้าซื้อโครงการที่เกิดขึ้นใหม่ในตลาดอย่างทันทีจาก เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มทุนได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับประเทศไทย หนึ่งในรูปแบบกองทุนที่ดีที่สุด ก็คือ กองทุนที่ผู้ประกอบการมีสัดส่วนการถือครองในอัตราที่สูงและยังคงมีอำนาจในการบริหารจัดการ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็สามารถที่จะซื้อทรัพย์สินเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการเมื่อทรัพย์สินเหล่านั้นก่อสร้างแล้วเสร็จ โครงสร้างกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะดังกล่าวเป็นหนึ่งในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุด อาทิเช่น ไทคอน พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ และซีพีเอ็น รีเทล โกรว์ธ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ เป็นต้น
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในรูปแบบของรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยจะขึ้นอยู่กับระดับราคาค่าเช่า และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบริหารอาคารนั้น ๆ รวมทั้ง กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในรูปของการเติบโตของเงินลงทุน หากมูลค่าของอาคารนั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ในอีกด้านหนึ่ง บทบาทของผู้ประเมินราคาทรัพย์สินนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากในแต่ละปี กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องทำการประเมินโครงการที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทุนฯ โดยผู้ประเมินอิสระ
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการประเมินราคาทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้ให้บริการด้านการประเมินราคาให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
“การประเมินราคาทรัพย์สินมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก เพราะทรัพย์สินแต่ละชิ้นมีความแตกต่างกัน มีการซื้อขายในวงที่จำกัด และเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายจริงได้ยาก” นายอรรณพ ซึ่งบริหารฝ่ายประเมินราคาทรัพย์สินของ ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย มานานกว่า 15 ปีกล่าวเพิ่มเติม “การประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น หากเป็นทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินประเภทถือกรรมสิทธิ์เช่าระยะยาว (Leasehold) จะมีความซับซ้อนมากกว่าทรัพย์สินประเภทถือครองกรรมสิทธิ์สมบูรณ์ (Freehold) จึงทำให้การกำหนดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนมีความแตกต่างกัน”
ปัจจุบัน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลายกอง ประกอบด้วยทรัพย์สินเพียง 1 รายการ และแนวโน้มของตลาดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท จะถูกจำกัดด้วยข้อกำหนดว่าด้วยการควบคุมเงินลงทุนจากนักลงทุนชาวต่างชาติ ที่ต้องการถือหุ้นในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
หากนักลงทุนต้องการที่จะกระจายความเสี่ยง นักลงทุนดังกล่าวควรที่จะเลือกลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีทรัพย์สินหลายประเภทจึงจะสามารถกระจายความเสี่ยงที่มีอยู่ได้
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส เชื่อว่า ผู้ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น โดยพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้นในเรื่องประเภทของทรัพย์สิน ซึ่งพิจารณาจากศักยภาพในด้านราคาค่าเช่าและโอกาสที่มูลค่าทรัพย์สินที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติ่ม:นายอรรณพ แสงประสิทธิ์ กรรมการบริหาร - หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนา02 654 1111
นางสาวงามใจ เจียรจรัสผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร02 654 1111 ต่อ 522
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net