กรุงเทพฯ--25 ส.ค.--ตรีเพชรอีซูซุเซลส์
อีซูซุพาเหล่าสมาชิกประชาคมอีซูซุควบรถยนต์คันโปรดลุยขับพิสูจน์สมรรถนะสุดแกร่งระยะทางรวมประมาณ 1,000 กม. ใน “คาราวานอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร” เส้นทางปิดท้ายของปีนี้ หลังจากที่ผ่านการเดินทางในประเทศมาแล้ว 3 เส้นทาง และเส้นทางที่ 4 นี้คือการเดินทางข้ามประเทศ จากเชียงราย ผ่านประเทศลาว มุ่งสู่เมืองเชียงรุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันหยุดยาวช่วงวันแม่ ที่ผ่านมา
ก่อนออกเดินทางสมาชิกคาราวานอีซูซุได้ฟังบรรยายสรุปรายละเอียดเส้นทางเพื่อสร้างความเข้าใจในการขับรถรูปแบบคาราวาน ณ โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับรถผ่านลาวไปจีนนั้น ผู้ขับขี่ต้องขับชิดขวา ซึ่งต่างจากบ้านเรา และระหว่างทางต้องเจอกับสภาพเส้นทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งการก่อสร้างทาง ถนนชำรุด ทางคดเคี้ยว โค้งหักศอก และลาดชันยิ่งกว่าแม่ฮ่องสอนเมืองไทย
การเดินทางโดยรถยนต์กว่า 40 คัน ของเหล่าสมาชิกอีซูซุ พร้อมด้วย คุณปนัดดา เจณณวาสิน รองกรรมการผู้จัดการ และทีมเจ้าหน้าที่จากบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ที่คอยอำนวยความสะดวกและสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้าตลอดเส้นทาง เริ่มต้นขึ้น ณ โชว์รูมบริษัท อีซูซุเชียงราย (2002) จำกัด สาขาอำเภอเชียงของ โดยได้รับเกียรติจาก คุณสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคุณจิรารัตน์ มีงาม ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน และร่วมตีธงปล่อยขบวนคาราวานอีซูซุเคลื่อนทัพมุ่งหน้าสู่ท่าเรือบั๊ค เพื่อลงแพขนานยนต์ข้ามแม่น้ำโขงสู่เมืองห้วยทราย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ลัดเลาะจนถึงบ่อเต็นรวมระยะทางกว่า 240 กิโลเมตร โดยระยะทาง 70 กิโลเมตรแรกยังคงอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเพื่อขยายถนน ซึ่งคาดว่าหากการก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถต่อยอดทั้งธุรกิจและการท่องเที่ยวให้กับไทย ลาว และจีน ได้เป็นอย่างมาก
สมาชิกคาราวานอีซูซุแวะเติมพลังกับอาหารพื้นบ้านที่บ่อเต็น ประเทศลาว จากนั้นจึงเดินทางต่อเพื่อผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ด่านโมฮัน ประเทศจีน สู่จุดหมายที่เมืองเชียงรุ้งด้วยระยะทาง 182 กิโลเมตร บนถนนไฮเวย์ที่ยังคงรายล้อมไปด้วยธรรมชาติของป่าเขา ตื่นตากับการขับผ่านโค้งเล็กๆ และขับทะลุภูเขาผ่านอุโมงค์รวมถึง 26 อุโมงค์ที่ประเทศจีนสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางทางรถยนต์ ทำให้ขบวนคาราวานอีซูซุเดินทางถึงโรงแรม Hua Fa Hotel โรงแรมใหญ่ใจกลางเมืองเชียงรุ้งในเวลาพลบค่ำอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แถมด้านหน้าโรงแรมยังคงสีสันความคึกครื้นยามค่ำคืนด้วยตลาดนัดถนนคนเดิน ให้สมาชิกได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง โดยเฉพาะหยก เครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง และของฝากจากประเทศจีน
รุ่งเช้าของวันที่สอง สมาชิกคาราวานอีซูซุตบเท้าเดินทางท่องเที่ยวสถานที่สำคัญในตัวเมืองเชียงรุ้ง เริ่มจาก “ป่าดงดิบและหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย” ชมการแสดงของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือโคร่งและหมีควาย ซึ่งถูกฝึกมาเป็นอย่างดีจนลืมความดุร้ายกันไปเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้ชมการให้อาหารฝูงนกยูงซึ่งถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมืองเชียงรุ้งกว่า 100 ตัวที่บินโฉบไปมาอย่างสวยงาม นอกจากนี้สมาชิกคาราวานอีซูซุยังร่วมสนุกกับการแสดงของชนพื้นเมือง และชมการจำลองพิธีแต่งงานของเผ่าอาข่าอีกด้วย จากนั้นจึงแวะชมความงดงามของ “หมู่บ้านกาหลั่นป้า” หมู่บ้านไทลื้อธรรมชาติที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของพี่น้องไทยปันนา (ไทลื้อ) สักการะวัดมหาราชฐานสุทธาวาสหรือที่ชาวไทลื้อเรียกว่า วัดสวนม่อน ซึ่งหมายถึงสวนดอกไม้ วัดแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปี มีสถาปัตยกรรมอันสวยงามตามแบบของชาวไทลื้อ ปิดท้ายด้วย “วัดหลวงเมืองลื้อสิบสองปันนา” ซึ่งเป็นวัดนิกายหินยาน (เถรวาท) สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2548 ภายในวัดมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ ภายในวัดยังได้จัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมทางด้านศาสนาและศิลปะพื้นเมืองที่ตกทอดมาอย่างช้านาน และยังเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยศาสนาพุทธสิบสองปันนาเพื่อใช้เป็นที่ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจการท่องเที่ยวตลอดวันแล้ว อีซูซุได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างอบอุ่นด้วยอาหารพื้นเมืองชั้นเลิศ ณ ร้านอาหารไทลื้อ เหมยซื้อหยวน พร้อมชมการแสดงประกอบดนตรีของสาวงามชาวไทลื้อ ซึ่งสมาชิกคาราวานอีซูซุต่างออกมาร่ายรำร่วมกันอย่างสนุกสนาน งานนี้ทั้งอร่อย อิ่มเอมความสุข และประทับใจมิรู้ลืม
วันสุดท้ายของ “คาราวานอีซูซุ ซูเปอร์คอมมอนเรล คาราวานสัญจร เส้นทางระหว่างประเทศ : ไทย (เชียงราย) — ลาว — จีน (สิบสองปันนา)” เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทยด้วยเส้นทางเดิม ตลอดระยะเวลา 3 วันของการเดินทาง สมาชิกได้รับความสุขและความประทับใจอย่างเต็มเปี่ยม